ตลาดซื้อขายน้ำมันดิบ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า วันที่ 4 พฤศจิกายน 2025 ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 60.56 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.49 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -0.8% ส่งผลหยุดราคาน้ำมันปิดขึ้น 3 วันติดกันรวม +0.49 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +0.8%
ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 64.44 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.45 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -0.7% ส่งผลหยุดราคาน้ำมันปิดขึ้น 3 วันติดกันรวม +1.12 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +0.7%
สาเหตุจาก ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐในภาพรวมพุ่งขึ้นแข็งค่าสูงสุดในรอบ 3 เดือนในขณะที่ทยานขึ้นแข่งขันในรอบ 4 เดือนเมื่อเทียบกับเงินเหรียญยูโร ภาวะรัฐบาลสหรัฐอเมริกาชัตดาวน์เข้าสู่วันที่ 35 ติดต่อกัน ซึ่งเท่ากันกับภาวะชัตดาวน์ในการเป็นประธานาธิบดีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ในเทอมแรกในปี 2018-2019 หากผ่านพ้นวันพรุ่งนี้ จะส่งผลให้กำลังจะกลายเป็นสถิติภาวะดังกล่าวยาวนานมากที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ของประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริการวมถึงความต้องการใช้น้ำมันดิบอีก ในขณะที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นเกิดภาวะชะลอตัวมากจากภาคการผลิตอุตสาหกรรมเดือนตุลาคม โดยมีตัวเลขหดตัวลงอย่างรวดเร็วในรอบ 19 เดือน
กลุ่มโอเปกพลัสมีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบเบาบางในเดือนธันวาคมนี้ และมีมติยุตติการเพิ่มการผลิตน้ำมันดิบเป็นการชั่วคราวในไตรมาสที่หนึ่งของปี 2026
ทั้งนี้ กบน. มีมติให้ผู้ค้าน้ำมันทุกรายในประเทศไทยปรับราคาขายน้ำมันมีผลวันที่ 21 ตุลาคม เวลา 05.00 น. ราคากลุ่มเบนซิน และแก๊สโซฮอลล์ -30 สตางค์/ลิตร ดีเซลลง -50 สตางค์/ลิตร นับเป็นการปรับลดราคาน้ำมันครั้งแรกในรอบ 17 วันผ่านมา หรือนับตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคม ส่งผลให้ราคาน้ำมันกลุ่มเบนซินมีราคาถูกสุดในรอบ 3 ปี 9 เดือน หรือตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม 2565 และดีเซลมีราคาขายถูกสุดในรอบ 1 ปี 5 เดือนผ่านมา
