ตลาดซื้อขายน้ำมันดิบ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า วันที่ 12 ธันวาคม 2024 ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 70.02 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.27 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -0.38% ส่งผลหยุดราคาปิดขึ้น 3 วันรวมกัน +3.09 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +4.50% ด้านราคาน้ำมันดิบ เบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 73.41 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.11 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -0.15% ส่งผลหยุดราคาปิดขึ้น 3 วันรวมกัน +2.40 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +3.31% ในสัปดาห์ผ่านไป ราคาน้ำมันดิบทั้งสองตลาดสำคัญปิดลดลง -1.2% และ -2.5% ตามลำดับ
สาเหตุจากสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ หรือไออึเอ เปิดเผยการคาดการณ์ว่า ในปี 2025 จะเกิดภาวะตลาดน้ำมันดิบล้นตลาด หรือเกินความต้องการบริโภคที่ 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ถ้ากลุ่มโอเปกพลัสมีมติเริ่มทยอยเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบในเดือนมีนาคมปี 2025 หากกลุ่มโอเปกพลัสยังคงมติลดกำลังการผลิตต่อเนื่องเมื่อถึงสิ้นไตรมาสที่ 1 ในปีหน้า ภาวะน้ำมันดิบล้นตลาดโลกจะเพิ่มขึ้นมาเป็นวันละ 950,000 บาร์เรล
ขณะที่เมื่อวันพุธผ่านมา กลุ่มโอเปกพลัสปรับลดตัวเลขคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันดิบทั่วโลกในปี 2024 และปี 2025 ครั้งใหม่ ซึ่งนับเป็นการปรับลดตัวเลขดังกล่าวเป็นครั้งที่ 5 ต่อเนื่อง สำหรับในปีนี้ ความต้องการใช้น้ำมันดิบทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.61 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ปรับลดลงจากเดิมที่ระดับ 1.82 ล้านบาร์เรลต่อวัน สอดคล้องกับความต้องการใช้น้ำมันดิบทั่วโลกในปี 2025 จะเพิ่มขึ้นเพียง 1.45 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ปรับลดลงจากเดิมที่ระดับ 1.54 ล้านบาร์เรลต่อวัน
การปรับลดตัวเลขคาดการณ์ของปี 2024 ซึ่งลดลงมากถึงวันละ 210,000 บาร์เรล ทำสถิติการลดตัวเลขคาดการณ์ที่มากที่สุดใน 5 ครั้งที่ประกาศปรับลดการคาดการณ์ลงมานับตั้งแต่เดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นการปรับลดคาดการณ์ครั้งแรก
ทั้งนี้ ผู้ค้าน้ำมันทุกรายในประเทศไทยปรับราคาขายน้ำมันมีผลวันที่ 13 ธันวาคมนี้ โดยขึ้นราคากลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ 40 สตางค์/ลิตร นับเป็นการขึ้นราคาน้ำมันครั้งแรกในรอบ 4 วันผ่านมา ส่งผลให้เป็นราคาน้ำมันที่สูงสุดในรอบ 11 วัน หรือตั้งแต่ 3 ธันวาคมผ่านมา