นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในปี 2567 ว่า บสย. มียอดค้ำประกันสินเชื่อ 53,738 ล้านบาท ช่วย SMEs ได้รับสินเชื่อ 88,472 ราย โดยในจำนวนนี้ เป็นผู้ประกอบการรายย่อย (Micro SMEs) 90% ค้ำประกันเฉลี่ย 100,000 บาทต่อราย อีก 10% เป็น SMEs ทั่วไป ค้ำประกันเฉลี่ย 4.96 ล้านบาทต่อราย ก่อให้เกิดสินเชื่อในระบบสถาบันการเงิน 58,986 ล้านบาท รักษาการจ้างงาน 487,253 ตำแหน่ง และสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจได้มากกว่า 220,462 ล้านบาท
ภายใต้ 3 โครงการหลัก ได้แก่ 1. โครงการตามมาตรการรัฐ วงเงิน 33,502 ล้านบาท คิดเป็น 62% ของยอดค้ำประกัน ช่วย SMEs เข้าถึงสินเชื่อ 83,012 ราย 2. โครงการค้ำประกันสินเชื่อ โดย บสย. ดำเนินการเอง วงเงิน 10,343 ล้านบาท คิดเป็น 20% ของยอดค้ำประกัน ช่วย SMEs เข้าถึงสินเชื่อ 5,184 ราย และ 3. โครงการ พ.ร.ก. สินเชื่อฟื้นฟู ระยะที่ 2 (โครงการค้ำประกันสินเชื่อดอกเบี้ยถูก) วงเงิน 9,893 ล้านบาท คิดเป็น 18% ของยอดค้ำประกัน ช่วย SMEs เข้าถึงสินเชื่อ 1,543 ราย
สำหรับโครงการหลัก PGS 11 “บสย. SMEs ยั่งยืน” มียอดค้ำประกัน 28,537 ล้านบาท ช่วย SMEs เข้าถึงสินเชื่อ 30,381 ราย โดยเป็นกลุ่มที่ไม่เคยใช้บริการ บสย. (ลูกค้าใหม่) ถึง 72% และเป็นกลุ่ม Micro SMEs ถึง 83% ตอกย้ำความสำเร็จในการช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย พ่อค้า แม่ค้า อาชีพอิสระ ที่มีปัญหาในการเข้าถึงสินเชื่อ สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้มากขึ้น
บสย. โชว์ผลงานปี 67 ยอดค้ำสินเชื่อ 5.37 หมื่นลบ. ช่วย SME กว่า 8 หมื่นรายเข้าถึงแหล่งทุน
โดยประเภทอุตสาหกรรมที่ค้ำประกันสินเชื่อสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1. ภาคบริการ 28.4% 2. การผลิตสินค้าและการค้าอื่นๆ 10.8% และ 3. อาหารและเครื่องดื่ม 10.7%
ทั้งนี้ ตลอดปี 2567 ที่ผ่านมา บสย. ยังมีภารกิจสำคัญในการช่วยแก้หนี้ให้กับ SMEs ที่ บสย. จ่ายค่าประกันชดเชย (ลูกหนี้ บสย.) ตอบโจทย์นโยบายภาครัฐ ผ่านมาตรการ “บสย. พร้อมช่วย” หรือ มาตรการ 3 สี (ม่วง เหลือง เขียว) ซึ่งเริ่มขึ้นในเดือนเมษายน 2565 จุดเด่นคือ “ผ่อนน้อย เบาแรง” “ตัดเงินต้น ก่อนตัดดอก” หรือจ่ายเงินต้นบางส่วน คิดอัตราดอกเบี้ย 0% และผ่อนยาว 7 ปี “หนี้ลด หมดเร็ว” โดยตั้งแต่ออกมาตรการในปี 2565 ประสบผลสำเร็จในการช่วยเหลือลูกหนี้ไปแล้วถึง 18,489 ราย (เฉพาะปี 2567 จำนวน 4,037 ราย) คิดเป็นมูลหนี้รวมกว่า 11,872 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 33 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้ง บสย.
เพื่อให้ความช่วยเหลือเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ในปี 2568 บสย. ได้ปรับเงื่อนไขมาตรการ “บสย. พร้อมช่วย” ให้ผ่อนปรนยิ่งขึ้น เพื่อช่วย SMEs ปลดหนี้ได้เร็วขึ้น ง่ายขึ้น อาทิ เพิ่มระยะเวลาผ่อน, ตัดเงินต้นเพิ่มขึ้น เป็นต้น นอกจากนี้ ยังได้เปิดตัว มาตรการใหม่ ช่วย SMEs “กลุ่มเปราะบาง” ที่มียอดหนี้ เงินต้นไม่เกิน 2 แสนบาท อัตราดอกเบี้ย 0% ชำระครั้งแรกเพียง 500 บาท ผ่อนสูงสุด 80 เดือน ตัดเงินต้นทั้งจำนวน ค่างวดขั้นต่ำเพียง 500-2,500 บาท และสามารถปลดหนี้ ลดต้น 30% เมื่อจ่ายต่อเนื่อง 6 งวด ตลอดปี 2568 ตั้งเป้าปรับโครงสร้างหนี้ผ่านมาตรการ “บสย. พร้อมช่วย” ไม่ต่ำกว่า 5,000 ราย คิดเป็นมูลหนี้ไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท