สมาคมรถยนต์ส่วนบุคคลแห่งชาติ ประเทศจีน หรือ CPCA เปิดเผยว่า เดือนพฤศจิกายนผ่านไป ยอดขายรถยนต์ของบีวายดี(BYD) ซึ่งเป็นค่ายผู้ผลิตรถยนต์พลังงานใหม่ หรือ NEV สัญชาติจีนชื่อดังระดับโลก สามารถทำได้ 506,804 คัน ส่งผลให้ใน 11 เดือนแรกของปีนี้ ถึง 3.76 ล้านคัน ในขณะที่เหลืออีกเพียงเดือนธันวาคมเพียงเดือนเดียวเท่านั้นซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่าบีวายดีจะมียอดขายรถทั่วโลกในปี 2024 มากกว่า 4,000,000 คันขึ้นไป ทำให้บีวายดีจะกลายเป็นค่ายรถยนต์ที่มีขนาดใหญ่ในแง่ยอดขายทั่วโลกขึ้นเป็นอันดับ 5 ของโลก โดยทำยอดขายแซงทั้งฮอนด้า และฟอร์ด หล่นลงไปอยู่อันดับที่ 6 และ 7 ของโลกตามลำดับ
สำหรับปัจจัยที่ทำให้บีวายดีทำยอดขายเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นผลมาจากการเปิดตัวรุ่นรถยนต์พลังงานใหม่เป็นจำนวนมาก ด้วยเทคโนโลยีของเครื่องยนต์ไฮบริดใหม่ล่าสุด การใช้กลยุทธ์การตลาดด้านสงครามราคาทั้งในประเทศและต่างประเทศ ความได้เปรียบในเรื่องต้นทุนการผลิตเมื่อเปรียบเทียบกับค่ารถยนต์ในประเทศเดียวกันและต่างประเทศ โดยช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาบีวายดีได้ส่งเอกสารถึงบรรดาซัพพลายเออร์ภายในประเทศจีน ด้วยการขอให้ซัพพลายเออร์ลดราคาหรือต้นทุนของวัตถุดิบลง 10% ให้กับบีวายดี
ข้อมูลสิ้นสุดเมื่อเดือนตุลาคมผ่านไป พบว่าบีวายดี ซึ่งมียอดขายราว 90% มาจากตลาดรถยนต์ภายในประเทศจีนนั้น มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นจาก 12.5% ในปี 2023 เป็น 16.2% ของตลาดทั้งหมดในประเทศจีน ถ้าหากบีวายดียังคงรักษาแรงส่งในการขายรถยนต์พลังงานใหม่ได้ดีต่อเนื่องอาจมีความเป็นไปได้ว่า บีวายดีจะมียอดขายสูงกว่า 6 ล้านคันภายใน 12 เดือนข้างหน้า ซึ่งจะส่งผลให้บีวายดีกลายเป็นค่ายผู้ผลิตรถยนต์ที่มีขนาดใหญ่เสมอกับเจนเนอรัล มอเตอร์ หรือจีเอ็ม และกลุ่มสแตนเลนติส
นักวิเคราะห์จากธนาคารซิตี้กรุ๊ป ซึ่งได้มีโอกาสเดินทางไปร่วมประชุมกับผู้บริหารของบีวายดีที่จีน เปิดเผยว่า บีวายดีกำหนดเป้าหมายในการขายรถยนต์ทั่วโลกอยู่ระหว่าง 5 ถึง 6 ล้านคันในปี 2025 นอกจากนี้ยังพบว่า ในช่วงระหว่างสามเดือนหรือตั้งแต่สิงหาคมถึงตุลาคมที่ผ่านมาบีวายดีรถยนต์พลังงานใหม่ เกือบ 200,000 คัน และจ้างพนักงานเป็นจำนวนมากกว่า 200,000 คน เพื่อเข้าทำงานในส่วนการผลิตผลิตชิ้นส่วนและรถยนต์ ส่งผลให้ข้อมูลสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมาบีวายดีมีพนักงานรวมกันทั้งสิ้นเกือบ 1,000,000 คน ซึ่งเป็นการจ้างงานที่เพิ่มสูงขึ้นถึง 296,500 คนจากปี 2023 หรือเพิ่มขึ้น 42% ที่มีจำนวนพนักงานทั้งสิ้น 703,500 คน