วงการอุตสาหกรรมยานยนต์ของโลกเปิดเผย รายงานยอดขายของค่ายรถยนต์ทั่วโลก พบว่าในไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านไป ยอดขายรถยนต์ของบีวายดี ซึ่งเป็นแบรนด์รถยนต์พลังงานไฟฟ้าชื่อดังระดับโลกจากจีน มียอดขายรวมทั้งสิ้น 980,000 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2023 ส่งผลให้บีวายดี ขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 7 ของแบรนด์รถยนต์ที่มียอดขายมากที่สุดใน 10 อันดับแรกของโลก โดยเป็นการขยับขึ้นสูงถึง 3 อันดับหลังจากที่ในไตรมาสที่ 2 เมื่อปี 2023 บีวายดีมียอดขายทั่วโลกอยู่ที่ราว 700,000 คัน ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 10 อันดับแรกของโลก
นับตั้งแต่ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2023 เป็นต้นมา บีวายดี สามารถทำยอดขายแซงทั้ง 2 แบรนด์ยักษ์ใหญ่ของประเทศญี่ปุ่นได้แก่ซูซูกิ และนิสสัน จนกระทั่งมาถึงไตรมาสสองที่เพิ่งผ่านไปของปีนี้บีวายดีสามารถทำยอดขายในแง่ปลายไตรมาส แซงค่ารถยนต์ฮอนด้าเป็นผลสำเร็จ ในขณะเดียวกัน ยอดขายของผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่อันดับโลก เช่น โตโยต้า มอเตอร์ และโฟล์คสวาเก้น เอจี ล้วนมียอดขายลดลงทั้งสองค่าย ในแง่รายไตรมาสเช่นกัน
สาเหตุที่บีวายดีมียอดขายรายไตรมาสเพิ่มขึ้นจนกระทั่งสามารถขึ้นมาอยู่ในอันดับ 7 ของโลกนั้น เป็นผลมาจากยอดขายรายไตรมาสจำนวนมากกว่า 105,000 คัน ล้วนมาจากตลาดในต่างประเทศ หรือนอกตลาดจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งพบว่าเพิ่มสูงขึ้นถึง 3 เท่า ในด้านยอดขายภายในประเทศจีนนั้นบีวายดีมียอดขายรวมทั้งทั้งสิ้นในเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้น 35% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีผ่านมา สำหรับค่ายรถยนต์สัญชาติจีนอีกสองยี่ห้อได้แก่ จีลี่ (Geely) และเชอรี่ (Chery) ยังคง มียอดขายรวมรายไตรมาสอยู่ในช่วงระหว่างอันดับที่ 11 ถึงอันดับ 20 อันดับของโลก
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่ายอดขายในรายไตรมาสของผู้ผลิตรถยนต์ใหญ่อันดับหนึ่งของโลกอย่างโตโยต้าจะลดลงนั้น แต่ยังมียอดขายที่มากกว่าบีวายดี โตโยต้ามียอดขายรวมในไตรมาสที่สองจำนวน 2.63 ล้านคัน ซึ่งยังคงเป็นค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่อันดับหนึ่งของโลก
ทั้งนี้ ฮอนด้าต้องประสบกับยอดขายรถยนต์เครื่องสันดาป หรือรถน้ำมันภายในตลาดประเทศจีน โดยเฉพาะเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านไป มียอดขายตกต่ำลงถึง 40% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ข่าวรถยนต์ฮอนด้าได้ประกาศแผนที่ลดกำลังการผลิตรถยนต์ลงถึง 30% ในประเทศจีน