นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน ระบุว่าสินค้าจากจีนที่โอเวอร์ซัพพลายจากปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัว และปัญหาภูมิรัฐศาสตร์จึงขายมาในอาเซียน ไทยขาดดุลการค้าให้จีนมากขึ้น แต่ขอให้มองลงไปในรายละเอียดของสินค้านำเข้า หากเป็นวัตถุดิบที่นำเข้ามาผลิต 10 บาท ทำรายได้ 100 บาท นั่นคือไทยได้ประโยชน์
ไทยควรปรับโครงสร้างลดการผลิต หันไปนำเข้ามาจำหน่าย และดึงผู้ผลิตจากจีนเป็นพันธมิตรร่วมกัน จะทำให้ไทยได้รายได้ค่าที่ดิน การจ้างงาน และการถ่ายทอดเทคโนโลยี
ประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน กล่าวต่อไปว่า สินค้าจีนมีกำลังการผลิตสูงกว่า ต้นทุนต่ำ และราคาถูก เมื่อผลิตสู้จีนไม่ได้ ผู้ประกอบการไทยต้องปรับกลยุทธ์จากคู่แข่งไปเป็นคู่ค้า นำสินค้าจากจีนเข้ามาทำตลาดเอง หรือดึงให้จีนมาลงทุนตั้งฐานการผลิตในไทย ซึ่งจะทำให้ไม่ต้องแข่งขันกัน ได้ตลาดส่งออกเพิ่ม และได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากการเข้ามาลงทุนสร้างโรงงานในไทย ดีกว่าให้จีนไปตั้งโรงงานในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งผู้ประกอบการไทยจะยิ่งได้รับผลกระทบ
สำหรับกรณีรัฐบาลไทยพิจารณาจะเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% กับสินค้าที่มีมูลค่าไม่เกิน 1,500 บาท โดยเฉพาะสินค้าราคาถูกไม่ถึง 1,500 บาทจากประเทศจีนนั้น นายณรงค์ศักดิ์มองว่า เป็นเรื่องที่เหมาะสม เนื่องจากในช่วงผ่านมา เหมือนเป็นการเอาเปรียบผู้ประกอบการไทย ยืนยันการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจะไม่กระทบการค้าระหว่างไทยและจีน การค้าขายผ่านออนไลน์จะยังคงเป็นปกติ ทำให้เกิดการค้าเป็นธรรมมากขึ้น เป็นผลดีกับผู้ประกอบการไทย
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การค้าไทยกับจีนยังคงปรากฏว่าไทยขาดดุลการค้ากับจีนต่อเนื่องตั้งแต่มกราคมถึงกุมภาพันธ์ 2567 โดยมีการขยายตัว 7.15% มีมูลค่า 17,035 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การส่งออกของไทยไปจีน มีมูลค่า 4,555 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ติดลบ 2.01 % ในขณะที่ การนำเข้าของไทยจากจีนกลับขยายตัวสูงมากถึง 10.94% มีมูลค่า 12,480 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ประเทศไทยจึงขาดดุลการค้ากับประเทศจีนรวมมูลค่า 7,925 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสินค้านำเข้าจากจีนที่สำคัญๆ ได้แก่ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เป็นต้น สำหรับสินค้าส่งออกของไทยไปตลาดจีน ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ยาง ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้งเม็ดพลาสติก เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ ยางพารา เป็นต้น