นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ลงนามในคำสั่งบริหารภายใต้กฎหมายขยายการค้าบนมาตรา 232 ด้วย การเก็บขึ้นอัตราภาษีศุลกากรหรืออัตราภาษีนำเข้าเป็น 25% กับสินค้าเหล็ก และปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้าอะลูมิเนียมจากเดิม 10% เป็น 25% มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม 2025 และบังคับใช้กับทุกประเทศทั่วโลก และยกเลิกข้อยกเว้น หรือมาตรการบรรเทาภาษีดังกล่าว เช่น ยกเลิกโควต้าปลอดภาษีอากรเหล็กและอลูมิเนียมกับทุกประเทศที่เคยได้ประกาศใช้ไปก่อนหน้านี้ ได้แก่ แคนาดา บราซิล และเม็กซิโก
ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา กล่าวเพิ่มเติมว่านอกจากวันนี้ได้ลงนามในคำสั่งปรับขึ้นอัตราภาษีใหม่กับเหล็กและอะลูมิเนียมแล้ว รัฐบาลสหรัฐจะประกาศใช้มาตรการปรับปรุงมาตรฐานอเมริกาเหนือ โดยให้มีผลกับการนำเข้าเหล็ก และอลูมิเนียม ด้วยการแปรสภาพเหล็กนำเข้าโดยการหลอมละลายและเท รวมถึงแปรสภาพอลูมิเนียมโดยการหลอมละลายและหล่อเป็นสินแร่อลูมิเนียมภายในพื้นที่ที่กำหนดไว้เมื่อการนำเข้าดังกล่าวมาถึงประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อลดการนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมที่แปรรูปจากประเทศจีน
นอกจากนี้ประธานาธิบดีสหรัฐยังได้ประกาศคำสั่งไปยังกรมศุลกากรและเจ้าหน้าที่รัฐบาลด้านการค้าแนวชายแดนของสหรัฐอเมริกาทั้งภาคเหนือและภาคใต้ของประเทศ ให้ดำเนินการตรวจตราอย่างเข้มข้นกับสินค้าเหล็กและอะลูมิเนียมที่นำเข้าจากต่างประเทศผ่านแนวชายแดน เพื่อป้องกันการแจ้งพิกัดและรายละเอียดสินค้าทั้ง 2 ประเภทที่ไม่ตรงตามข้อเท็จจริง เพื่อหวังผลในการหลบเลี่ยงอัตราภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมใหม่ ด้วย
ก่อนหน้านี้เมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ผ่านมา นายโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่าในวันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์นี้ จะประกาศมาตรการเก็บขึ้นภาษี 25% กับสินค้าเหล็กและอลูมินัมที่นำเข้าจากต่างประเทศ โดยอัตราภาษีดังกล่าวจะเป็นการเก็บเพิ่มเติมจากอัตราภาษีที่เก็บกับทั้ง 2 สินค้าในปัจจุบัน ต่อจากนั้น ในวันอังคารหรือไม่เกินภายในวันพุธนี้ จะประกาศมาตรการภาษีสินค้าต่างตอบแทนกับหลากหลายประเทศที่เป็นคู่ค้ากับประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะทำให้สหรัฐอเมริกาทำการค้าขายอย่างเท่าเทียมกันกับนานาประเทศ
สำหรับอัตราภาษีใหม่ที่จะเก็บขึ้นถึง 25% จากอัตราภาษีเดิมของเหล็กและอลูมิเนียม นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เคยประกาศใช้มาตรการภาษีดังกล่าว ประกอบด้วย เก็บเพิ่ม 25% กับเหล็ก และเก็บเพิ่ม 10% กับอลูมิเนียม เมื่อครั้งที่เป็นประธานาธิบดีสหรัฐครั้งแรก หรือในปี 2017 แต่ได้รับการประกาศใช้โควต้าปราศจากอัตราภาษีอากรให้กับประเทศยักษ์ใหญ่ ได้แก่ แคนาดา เม็กซิโก และบราซิล ต่อมาอดีตประธานาธิบดีสหรัฐ นายโจ ไบเดน ได้ขยายโควต้าดังกล่าวให้กับอังกฤษ ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป
ก่อนหน้านี้เมื่อวันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ผ่านมา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาประกาศว่าในวันจันทร์หรือวันอังคารของสัปดาห์นี้ รัฐบาลสหรัฐจะมีการประชุมเพื่อจะประกาศนโยบายภาษีสินค้าต่างตอบแทนกับหลากหลายประเทศที่เป็นคู่ค้ากับประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะทำให้สหรัฐอเมริกาทำการค้าขายอย่างเท่าเทียมกันกับนานาประเทศ สหรัฐไม่ต้องการมากเกินไปในขณะเดียวกันก็ไม่ต้องการน้อยเกินไป
ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา กล่าวต่อไปว่านโยบายภาษีสินค้าต่างตอบแทน จะมีอัตราภาษีอยู่ระหว่าง 10 ถึง 20% ซึ่งจะใช้กับอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศตามที่ได้เคยหาเสียงไว้ก่อนหน้านี้ นโยบายดังกล่าวถือว่ามีความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย จะไม่มีใครได้รับความเสียหาย คู่ค้าประเทศไหนเก็บภาษีสินค้าสหรัฐ สหรัฐก็เก็บอัตราภาษี ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนกัน โดยเฉพาะอัตราภาษีสำหรับรถยนต์ ก็อยู่ในการพิจารณาด้วย ถือว่าเป็นรายการสินค้าขนาดใหญ่ สหรัฐจะต้องทำให้เกิดความเสมอภาคด้วย
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีสหรัฐ กล่าวมาอย่างสม่ำเสมอว่าอัตราภาษีเก็บจากรถยนต์สหรัฐส่งออกไปยังยุโรปมากถึง 10% แต่ในขณะที่สหรัฐเก็บอัตราภาษีนำเข้ารถยนต์จากยุโรปเพียงแค่ 2.5%