นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กรณีที่รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะเป็นไปในลักษณะโครงการขนาดใหญ่ในการกระตุ้นการบริโภคและการลงทุนในประเทศ รวมถึงสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ซึ่งต้องมากกว่า 500,000 ล้านบาท ส่วนที่มาของแหล่งเงินจะมีการกู้หรือไม่ จะต้องพิจารณารายละเอียดอีกครั้งนั้น หากรัฐบาลใช้เครื่องมือกู้เงิน 500,000 ล้านบาทต้องดูในกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ก็สามารถกู้เงินได้ตามกฎหมาย โดยต้องพิจารณาว่าหนี้ที่กู้มาจะนำไปใช้ทำอะไร โดยในกรณีนี้มองว่าจะกระทบหนี้สาธารณะเพิ่ม 3% โดยปัจจุบันหนี้สาธารณะเราอยู่ที่ 64.21%
รัฐบาลอาจใช้สินเชื่อจากธนาคารรัฐเพื่อช่วยในการเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยไม่จำเป็นต้องกู้เงินทั้งหมดจากแหล่งอื่น และต้องดูว่าจะเข้ามาทำในส่วนไหน โดยมองว่าการบริโภคก็จะเกิดผลได้ไว แต่เรื่องการลงทุนก็เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำ สำหรับแหล่งเงินที่มาตอนนี้ยังไม่สรุปว่าจะเป็นการกู้หรือไม่ เพราะสามารถทำได้จากหลายวิธี ทั้งการเกลี่ยงบประมาณ รวมถึงงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 150,000 ล้านบาท ตอนนี้ยังไม่ได้มีการสรุปว่าจะใช้โครงการใดบ้าง เพื่อรับมือนโยบายสหรัฐฯ หลังจากนี้จะต้องรอดูการสรุปโครงการก่อน น่าจะมีความชัดเจนในเดือน พ.ค. 68
ทั้งนี้ การขยายเพดานหนี้สาธารณะเป็น 75-80% มองว่าเรื่องเพดานหนี้ไม่ใช่สาระสำคัญ ไม่ได้หน้ากลัว เนื่องจากหลายประเทศก็มีหนี้สาธารณะสูงกว่า 80-100% ซึ่งต่างประเทศไม่ได้ประเมินว่ามีหนี้สาธารณะเยอะแล้วอันตราย แต่มองว่ามีความสามารถในการชำระหนี้คืนได้หรือไม่