ดัชนี SET Index ตลาดหุ้นไทยปิดวันนี้ที่ 1,332.08 จุด ลดลง -28.94 จุด หรือ -2.13% มูลค่าการซื้อขาย 57,497.73 ล้านบาท ปรับตัวลงสอดคล้องตลาดภูมิภาค จากแรงขายลดเสี่ยงกังวลความขัดแย้งในตะวันออกกลาง และแนวโน้มธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลดดอกเบี้ยช้ากว่าคาด ดันบอนด์ยีลด์และดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าลดทอนความน่าสนใจในสายตาต่างชาติ
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีปรับตัวลงแรง โดยเฉพาะช่วงท้ายตลาด ทำจุดต่ำสุด 1,330.24 จุด ทำจุดสูงสุดที่ 1,343.32 จุด ส่งผลให้ภาพรวมทั้งสัปดาห์นี้ที่มีวันทำการเพียง 3 วัน ตลาดลงไปแล้วกว่า 60 จุด จากจุดปิดตลาดช่วงก่อนเข้าสู่วันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ที่ 1,396.38 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 หลักทรัพย์ ได้แก่
1. PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 2,766.49 ล้านบาท ปิดที่ 160.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
2. BBL มูลค่าการซื้อขาย 2,677.86 ล้านบาท ปิดที่ 138.50 บาท ลดลง 5.00 บาท
3. CPALL มูลค่าการซื้อขาย 2,330.35 ล้านบาท ปิดที่ 54.75 บาท ลดลง 0.75 บาท
นายณรงค์เดช จันทรไพศาล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไอร่า กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงตามภูมิภาค จากความกังวลประเด็นขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางยังมีความไม่แน่นอนสูง และความกังวลการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ช้ากว่าคาด จากที่เคยคาดว่าจะลดดอกเบี้ยในปีนี้ 3 ครั้ง เหลือแค่ครั้งเดียว รวมทั้งความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่ยังส่งสัญญาณว่าเฟดไม่ควรรีบปรับลดอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) และสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้น และทำให้ช่องว่างระหว่างสินทรัพย์เสี่ยงและสินทรัพย์ปลอดภัยกว้างขึ้น
ขณะเดียวกัน ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลดทอนความน่าสนใจของนักลงทุนต่างชาติ นอกจากนี้การปรับลงของตลาดหุ้นไทยวันนี้เป็นการปรับลงของหุ้นเกือบทุกกลุ่ม
แนวโน้มตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้ามีโอกาสสูงที่จะเกิด Technical Rebound หากไม่มีปัจจัยลบเข้ามาเพิ่มเติม อาทิ ความขัดแย้งในตะวันออกกลางขยายตัว ขณะที่ประเด็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดตลาดน่าจะตอบรับไปพอสมควร ส่วนปัจจัยในประเทศติดตามการทยอยรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยให้กรอบแนวรับ 1,330 จุดและแนวต้าน 1,350 จุด