ดัชนี SET Index ตลาดหุ้นไทยปิดวันนี้อยู่ที่ 1,387.62 จุด พุ่งขึ้น 14.44 จุด หรือ 1.05% มูลค่าการซื้อขาย 37,203.54 ล้านบาท ดัชนีตลาดหุ้นไทยผันผวนในทิศทางปรับตัวขึ้นเกือบทั้งวันซึ่งทำจุดต่ำสุดวันนี้อยู่ที่ 1,385.01 จุด และสูงสุดอยู่ที่ 1,393.46 จุด
หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับ ได้แก่
1. CPALL มูลค่า 3,192.11 ล้านบาท ราคาหุ้นอยู่ที่ 54.75 บาท ลดลง 0.75 บาท หรือ 1.35%
2. BKGI มูลค่า 2,297.55 ล้านบาท ราคาหุ้นอยู่ที่ 5.45 บาท เพิ่มขึ้น 1.05 บาท หรือ 23.86%
3. DELTA มูลค่า 1,915.21 ล้านบาท ราคาหุ้นอยู่ที่ 72.25 บาท เพิ่มขึ้น 5.50 บาท หรือ 8.24%
ส่วนตลาด SET 50 ปิด 850.82 จุด ปรับ+9.78 จุด หรือ +1.16% มูลค่าการซื้อขาย 25,370.82 ล้านบาท และตลาด mai ปิดที่ 416.99 จุด ปรับ +1.77 จุด หรือ +0.43% มูลค่าซื้อขาย 1,853.67 ล้านบาท
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ กล่าวว่า วันนี้ดัชนี ปรับตัวขึ้นเนื่องจากนักลงทุนมั่นใจแล้วว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดอัตราดอกเบี้ยทั้งหมด 3 ครั้งในปีนี้ ดังนั้นธนาคารกลางแห่งประเทศไทย ก็มีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยเช่นเดียวกัน
โดยหุ้นที่ได้อานิสงส์จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาลงคือ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และไฟแนนซ์ และคาดว่าวันพรุ่งนี้ (22 มี.ค.67) ดัชนีมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับ 1,400 จุด ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1,385
ด้านนายณรงค์เดช จันทรไพศาล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไอร่า กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับขึ้นจากวานนี้ขายลดความเสี่ยงออกมาก่อนรู้ผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แต่วันนี้รับ Sentiment เชิงบวกเฟดคงดอกเบี้ยและคาดการณ์ลดลง 3 ครั้งในปีนี้ตามเดิม ภาพรวมไม่มีประเด็น Negative ทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (บอนด์ยีลด์) ปรับลงหนุนสินทรัพย์เสี่ยงกลับมาดูดีขึ้นอีกครั้ง ประกอบกับตลาดฯ ยังได้แรงซื้อหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์คึกคักขึ้นมานำตลาด ทั้ง DELTA HANA KCE
ส่วนแนวโน้มวันพรุ่งนี้คาดตลาดแกว่งตัวขึ้นได้ต่อแต่อัพไซต์เริ่มจำกัด แนะเกาะติดปัจจัยในประเทศ ทั้งความคืบหน้าดิจิทัลวอลเล็ต และการผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ให้แนวรับ 1,382-1,377 จุด และแนวต้าน 1,390-1,395 จุด
