ค่าเงินบาทเทียบเงินดอลลาร์สหรัฐในปี 2025 กำลังมีแนวโน้มที่ชัดเจนว่าจะกลายเป็นค่าเงินบาทรายปี หรือค่าเงินบาทที่ให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดในรอบ 8 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมา ในขณะที่ค่าเงินบาทเทียบเงินดอลลาร์สหรัฐปิดตลาดในวันนี้ 22 ธันวาคมที่ระดับ 31.18 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ทำสถิติค่าเงินบาทที่แข็งค่ามากมากที่สุดในรอบ 4 ปี 6 เดือน
ความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทดังกล่าวกับตรงกันข้ามกับภาวะเศรษฐกิจไทยในปี 2025 นี้ ที่ต้องเผชิญกับปัจจัยลบหลายด้าน ได้แก่ ภาวะตลาดท่องเที่ยวที่ซบเซา ซึ่งยังไม่สามารถที่จะฝืนกลับมาเต็ม 100% เหมือนช่วงก่อนเกิดวิกฤตการณ์โรคระบาดโควิด-19 ที่กินระยะเวลามานานถึง 6 ปีเต็ม ภาวะที่ครัวเรือนที่ยังคงอยู่ในระดับสูงเกินกว่ามาตรฐานโลกที่กว่า 86% ต่อจีดีพี และอัตราภาษีต่างตอบแทน หรือ Reciprocal Tariffs ของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาที่เก็บสินค้าส่งออกจากประเทศไทยในอัตรา 19%
ปัจจัยที่ส่งผลให้ค่าเงินบาทเทียบเงินดอลลาร์สหรัฐในปี 2025 แข็งค่าขึ้นถึงกว่า 8% จนกระทั่งกลายเป็นค่าเงินที่แข็งค่ามากเป็นอันดับ 2 ในภูมิภาคเอเชีย เป็นผลมาจากภาวะราคาทองคำตลาดโลกที่ทะยานสูงขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ต่อเนื่อง มีส่วนต่างราคาจากต้นปีนี้มากกว่า 60% ที่สำคัญ นักลงทุนทั้งรายย่อย และสถาบันการเงินในประเทศไทยล้วนซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องเพื่อการลงทุน และหวังผลตอบแทนที่ทะยานสูงมากในปีนี้
เมื่อเปรียบเทียบกับผลตอบแทนจากการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ เช่น ตลาดหุ้นไทย ซึ่งในผลตอบแทนที่อยู่ในลำดับท้ายท้ายของตลาดหุ้นทั่วโลก ตลาดตราสารหนี้ที่ต้องเผชิญกับปัญหา และเรื่องอื้อฉาวของบริษัทจดทะเบียนจำนวนมากที่ระดมทุนผ่านตราสารหนี้ และต้องพบกับปัญหาวิกฤติสภาพคล่องในการไถ่ถอนคืนหุ้นกู้ให้กับบรรดาเจ้าหนี้ เป็นต้น ค่าเงินบาทที่แข็งค่าสูงจึงส่งผลกระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขันภาคอุตสาหกรรมการผลิตของประเทศไทยให้ลดต่ำลง
ราคาทองคำที่ทำสติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งแล้วครั้งเล่าในปี 2025 นี้ ทำให้นักลงทุนล้วนขายทองออกเพื่อเก็บกำไรจากการลงทุน ด้วยการเปลี่ยนกำไรที่ได้จากเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐมาเป็นเงินบาท ด้านการส่งออกทองคำจากประเทศไทยในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2025 นี้ พบว่า ส่งออกทองคำพุ่งทะยานสูงถึง 52% มีมูลค่าถึง 11,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือกว่า 365,400 ล้านบาท ส่งผลให้มีปริมาณเงินดอลลาร์สหรัฐไหลเข้าสู่ประเทศไทยเป็นจำนวนมาก
ข้อมูลสถิติมูลค่าการส่งออกทองคำนับตั้งแต่ปี 2022 มาถึง 10 เดือนแรกของปี 2025 มีดังนี้ ปี 2022 จำนวน 7,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 223,650 ล้านบาท ปี 2023 จำนวน 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 189,000 ล้านบาท ปี 2024 จำนวน 8,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 277,200 ล้านบาท และ 10 เดือนแรกของปี 2025 11,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือกว่า 365,400 ล้านบาท
อยากย้อนกลับไปตั้งแต่ช่วงกลางปี 2024 เป็นต้นมา นับเป็นจังหวะเวลาแรกที่ค่าเงินบาทเทียบเงินดอลล่าร์สหรัฐเริ่มแข็งค่าขึ้น ท่ามกลางรัฐบาลในช่วงเวลาดังกล่าวได้ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศไทย รวมถึงนักลงทุนเริ่มปรับลดพอร์ตการลงทุนสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐด้วยการขายออกอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นครั้งแรก จนกระทั่งมาถึงปัจจุบัน ค่าเงินบาทร่วงอ่อนค่าต่อเนื่อง ซึ่งได้รับแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะการจ้างงานที่อ่อนแอลง ทำให้เฟดต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลงต่อเนื่องข้ามไปถึงในปี 2026
ทั้งนี้ วันนี้ 22 ธันวาคม 2025 เมื่อเวลา 17.00 น. ค่าเงินบาทเทียบเงินดอลลาร์สหรัฐปิดตลาดขึ้นไปที่ระดับ 31.18 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐทำสถิติเงินบาทแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 4 ปี 6 เดือน หรือนับตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน 2021 ตลอดทั้งวันนี้ เนื่องจากตั้งแต่ตอนเปิดตลาดวันนี้เวลา 9.00 น. ค่าเงินบาทเทียบเงินดอลลาร์สหรัฐเปิดตลาดขึ้นไปแตะที่ระดับ 31.35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐทำสถิติเงินบาทแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 4 ปี 6 เดือน หรือนับตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน 2021 เป็นต้นมา