ผู้ถือหุ้น CRC อนุมัติขายกิจการ “รีนาเชนเต”ห้างสรรพสินค้าหรูในอิตาลี เดินหน้าปรับพอร์ตธุรกิจ โฟกัสตลาดศักยภาพไทย–เวียดนาม และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

วันนี้ 6 พ.ย.68 บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC จัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2568 เพื่อพิจารณาการอนุมัติการขายธุรกิจห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต ในประเทศอิตาลี โดยมีผู้ถือหุ้นเข้าร่วมประชุมทั้งสิ้น 1,372 ราย คิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้นรวม 58.49% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดที่มีสิทธิออกเสียง โดยการประชุมจัดขึ้นภายใต้หลักเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และมาตรฐานการประชุมผู้ถือหุ้นที่เน้นความโปร่งใส เปิดเผยข้อมูลครบถ้วน และให้ผู้ถือหุ้นสามารถใช้สิทธิออกเสียงได้อย่างเท่าเทียม

นายสุทธิสาร จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC เปิดเผยว่า “ที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติ “อนุมัติ” การขายสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต ด้วยคะแนนเสียงเห็นชอบจำนวน 3,159,952,199 คะแนน คิดเป็น 89.57% ของผู้ถือหุ้นที่เข้าร่วมประชุมและไม่มีส่วนได้เสียที่มีสิทธิออกเสียง มติดังกล่าวถือเป็นอีกก้าวสำคัญของการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ของ CRC ที่มุ่งปรับโครงสร้างธุรกิจเพื่อเสริมความแข็งแกร่งและสร้างการเติบโต โดยมุ่งโฟกัสที่ 2 ตลาดหลัก คือ ประเทศไทยและเวียดนาม รวมถึงตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงในการขยายธุรกิจค้าปลีก-ค้าส่งตามกลยุทธ์ ‘New Heights, Next Growth’ พร้อมยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน ตอบโจทย์การเติบโตในระยะยาว ตอกย้ำภาพผู้นำธุรกิจค้าปลีก-ค้าส่งอย่างยั่งยืนทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ สร้างคุณค่าและผลตอบแทนที่มั่นคงให้แก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ภายใต้การดำเนินงานอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นไปตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี 

โดยเงินที่ได้รับจำนวนประมาณ 14,700 ล้านบาท จะนำไปบริหารจัดการในการสร้างการเติบโต และเสริมแกร่งสถานะทางการเงินของบริษัทฯ โดยนำเงินสดไปคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน ส่งผลให้ภาระหนี้สินของบริษัทฯ ลดลงประมาณ 5,300 ล้านบาท ทำให้ CRC มีความพร้อมในการขยายธุรกิจเพื่อต่อยอดสร้างการเติบโตในอนาคต นอกจากนี้ CRC มีแผนพิจารณานำเงิน 7,700 ล้านบาท ไปจ่ายเป็นเงินปันผลเป็นกรณีพิเศษ คิดเป็น 1.28 บาทต่อหุ้น สร้างผลตอบแทนโดยทันทีให้แก่ผู้ถือหุ้นของ CRC”

“เซ็นทรัล รีเทล ยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาลและความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจอย่างรอบด้าน การได้รับมติอนุมัติจากผู้ถือหุ้นในครั้งนี้ ได้สะท้อนความเชื่อมั่นของผู้ถือหุ้นต่อทิศทางการเติบโตของบริษัทฯ ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน เพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดให้แก่ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายต่อไป” นายสุทธิสาร กล่าวสรุป

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles