นายวสุเชษฐ์ โสภณเสถียร นายกสมาคมผู้ประกอบการรถ ขนส่ง ทั่วไทย (สปข.) รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) เปิดเผยว่า การปรับขึ้นของราคาน้ำมัน ส่งผลกระทบต่อประชาชนและธุรกิจแน่นอนอยู่แล้ว โดยเฉพาะภาคเอกชนที่ได้รับความเดือดร้อน เพราะเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้นมาแบบประเมินล่วงหน้าไม่ได้ หรือควบคุมอะไรไม่ได้ อาทิ รถเช่าที่ถูกลูกค้าจองไว้แล้วหลังสงกรานต์ ไม่สามารถปรับราคาขึ้นได้ ทั้งที่ต้นทุนราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นมา ทำให้ผู้ประกอบการต้องรับสภาพไป
ซึ่งสิ่งที่ภาคเอกชนต้องการมากที่สุดคือ ความชัดเจน โดยอยากให้รัฐบาลกำหนดเป็นไทม์ไลน์ออกมาเลยว่า จะมีการปรับขึ้นราคาน้ำมันอีกครั้งในช่วงใดบ้าง และปรับขึ้นเท่าใด เพื่อให้สามารถวางแผนการตั้งราคา ทำธุรกิจต่อไปได้ เนื่องจากการปรับขึ้นราคาน้ำมัน 50 สตางค์ กระทบต้นทุนเพิ่มขึ้น 5% แล้ว อย่างที่ผ่านมามีการปรับขึ้นราคาน้ำมัน 2 ครั้ง ต้นทุนก็เพิ่มขึ้น 10% แล้ว ทำให้ผู้ประกอบการต้องแบกรับ เพราะราคาที่ขายออกไปแล้วไม่สามารถขอปรับขึ้นได้อีก ยิ่งมากบวกกับต้นทุนค่าแรงงานขั้นต่ำที่ปรับขึ้นมา 3 ครั้งแล้วในปีนี้ ถือเป็นต้นทุนที่ส่งผลกระทบทั้งหมด เป็นความเดือดร้อนของเอกชนที่ไปต่อกันลำบากในการทำธุรกิจ เพราะต้นทุนทุกอย่างขึ้นจากนโยบายของรัฐบาล ส่วนมาตรการอื่นๆ ไม่ขอแล้ว เพราะขอไปก็ไม่เคยได้ ขอความช่วยเหลือจนอายตัวเองแล้ว
“รู้ว่านโยบายของรัฐ อยากทำออกมาให้ภาคประชาชนได้รับผลดี แต่ผู้ประกอบการต้องยอมรับว่าปรับตัวไม่ทันจริงๆ โดยนับตั้งแต่ต้นปีถึงขณะนี้ ต้นทุนรวมปรับขึ้นมาแล้วกว่า 12-15% ทั้งที่ราคาขายยังไม่กลับมาเทียบเท่าปี 2562 ก่อนเกิดโควิด-19 เลย ดันขึ้นไปได้ไม่เท่าเดิม แต่ต้นทุนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์การฟื้นตัวตลาดขนส่งรถเช่าตอนนี้ ฟื้นตัวกลับมาเพียง 60-70% เท่านั้น ทั้งไทยและต่างชาติ” นายวสุเชษฐ์ กล่าว
ในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ยอมรับว่าภาพรวมการท่องเที่ยวคึกคักมาก แต่ในธุรกิจขนส่งรถโดยสารยังไม่ได้ดีมากนัก เป็นเพราะลูกค้าต่างชาติจะเป็นกรุ๊ปทัวร์ ซึ่งทัวร์ตอนนี้ก็ยังไม่ได้ฟื้นตัวมากนัก ทั้งทัวร์จีนและทัวร์อินเดีย ส่วนนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่น อาทิ เดินทางด้วยตัวเอง (เอฟไอที) กลุ่มนี้จะเน้นเดินทางเอง ขับรถเองเป็นหลัก โดยสิ่งที่คาดหวังในตอนนี้คือ เมื่องบประมาณประจำปีผ่านแล้ว จะมีก้อนงบประมาณการเดินทางภาครัฐ เพื่อจัดประชุมสัมมนา ดูงานต่างๆ ทั้งกระทรวง กรม หน่วยงานรัฐทั้งหมด ซึ่งก็หวังว่าจะมีการเดินทางมากขึ้น เพื่อให้ผู้ประกอบการได้รับอานิสงส์เชิงบวกในการเดินทางมากขึ้น ชดเชยกับช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว