นายวสันต์ คงจันทร์ อุปนายกสมาคมการขายและการตลาดอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า จากการที่สถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ชะลอตัว ทำให้ผู้ประกอบการชะลอการซื้อที่ดินและการลงทุนโครงการใหม่ โดยเฉพาะที่ดินในกรุงเทพฯสำหรับการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมที่ปัจจุบันการซื้อขายไม่คึกคัก ส่วนใหญ่มีแต่ผู้ขายทั้งที่เป็นแลนด์ลอร์ดและบริษัทอสังหาฯ ที่ต้องการขายทรัพย์สินเพื่อรักษากระแสเงินสด จึงนำมาออกมาประกาศ ส่วนคนซื้อนั้นแทบไม่มี ทำให้ใครที่อยากขายจะถูกกดราคาที่ดิน ซึ่งในบางทำเลราคาลดลงมากถึง 50% เพราะคนที่ซื้อไปต้องรอ 2 ปีกว่าจะพัฒนาโครงการ เช่น โซนรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายย่านท่าพระจากราคาเดิม 300,000 บาทต่อตารางวา(ตร.ว.) เหลือ 150,000 บาทต่อตร.ว. ย่านทองหล่อจากเดิม 2.5 ล้านบาทต่อตร.ว. ปัจจุบันลดเหลือ 2 ล้านบาทต่อตร.ว.ยังขายไม่ได้เลย แต่ถ้าลดเหลือ 1.5 ล้านบาทต่อตร.ว.ก็อาจจะมีคนสนใจซื้อ หรือที่ดินในซอยทองหล่อเดิมตั้งไว้ 1.5 ล้านบาทต่อ ตร.ว. มีต่อรองเหลือ 900,000 บาทต่อ ตร.ว. เป็นต้น
“ตอนนี้เกมเปลี่ยน จากคนที่ซื้อตอนนี้เป็นคนขายแล้ว จากตลาดอสังหาฯที่ไม่ดี โดยเฉพาะคอนโดที่เจอแผ่นดินไหว ทำให้ซึมหนักมากขึ้น ที่ดินเลยขายยาก และอำนาจต่อรองอยู่ที่ผู้ซื้อว่าอยากจะได้ราคาเท่าไหร่ อย่างไรก็ตามราคาที่ดินภูเก็ตยังมีการซื้อขายและราคาปรับขึ้น เพราะการท่องเที่ยวยังดีและมีต่างชาติมาอยู่อาศัยมากและต้องการซื้อบ้านหลังที่2 ส่วนอีอีซีราคาเริ่มนิ่ง หยุดซื้อขายหลังมีภาษีทรัมป์ เพราะก่อนหน้าราคาปรับขึ้นไปแล้วเท่าตัว เช่น ปลวกแดง พัฒนานิคม จังหวัดระยองจากไร่ละ 1 ล้านบาท เป็นไร่ละ 2-3 ล้านบาท ”นายวสันต์กล่าว
นอกจากนี้หลังการท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัว มีนักลงทุนต่างชาติ เช่น ประเทศจีน ไต้หวัน เมียนมา ญี่ปุ่น เวียดนาม หาซื้อโรงแรมในไทยมากขึ้น ทั้งรูปแบบส่วนตัวและกองทุน โดยมีกำหนดทำเลที่ต้องการซื้อ คือ ภูเก็ต และกรุงเทพฯในโซนสุขุมวิท เป็นโรงแรมระดับ 3 ดาว ขนาดประมาณ 200-300 ห้อง ที่ซื้อแล้วสามารถไปอัพเกรดเป็นโรงแรมลักชัวรี่ได้ แต่ถ้าเป็นนักลงทุนยุโรปจะซื้อระดั 5 ดาว ล่าสุดมีผู้ประกอบการอสังหาฯที่เข้ามาทำธุรกิจโรงแรมเพื่อกระจายความเสี่ยงในช่วงที่ผ่านมา แต่หลังตลาดอสังหาฯชะลอตัว มีนำโรงแรมออกมาขายเพื่อรักรักษากระแสเงินสดด้วยเช่นกัน เช่น โรงแรมในโซนสุขุมวิท เป็นต้น
ด้านนายอธิป พีชานนท์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยที่ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง คือ จังหวัดภูเก็ต เนื่องจากได้ปัจจัยสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยวและลูกค้าต่างชาติ ที่มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยภูเก็ตเป็นบ้านหลังที่2 ประกอบกับจังหวัดภูเก็ตเป็นหมุดหมายการท่องเที่ยวระดับโลกเทียบชั้นฮาวายและดูไบไปแล้ว ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เข้าไปพัฒนาโครงการรองรับดีมานด์