ผู้ส่งออกข้าวไทย ห่วงอินเดียหั่นราคาข้าว หลังผลผลิตล้นในรอบ 50 ปี กระทบส่งออกข้าวไทย ซัพพลายเพิ่ม-ดีมานด์หด ขอแบงก์ชาติดูแลเงินบาท หลังแข็งค่าต่อเนื่อง

ผู้ ส่งออก ข้าว ไทย ห่วงอินเดียหั่นราคาข้าว หลังผลผลิตล้นในรอบ 50 ปี กระทบส่งออกข้าวไทย ซัพพลายเพิ่ม-ดีมานด์หด ขอแบงก์ชาติดูแลเงินบาท หลังแข็งค่าต่อเนื่อง

ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยสถานการณ์การส่งออกข้าวไทยในปี 2568 ในระหว่างการประชุม “Thailand Rice Convention 2025” จัดโดยกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ โดยคาดการณ์ว่าปริมาณการส่งออกข้าวไทยทั้งปีจะอยู่ที่ 7.5 ล้านตัน แม้ในช่วง 4 เดือนแรกจะสามารถส่งออกได้แล้วประมาณ 2.5 – 2.6 ล้านตัน โดยสถานการณ์การส่งออกในปีนี้ได้รับแรงกดดันจาก ผลผลิตข้าวโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะการกลับมาส่งออกข้าวของอินเดีย ซึ่งปีนี้มีผลผลิตมากถึง 140 ล้านตันข้าวสาร ถือเป็นระดับสูงสุดในรอบ 50 ปี และยังมากกว่าจีนซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตรายใหญ่

ขณะเดียวกัน ประเทศไทยผลผลิตข้าวไม่ได้ลดลง เนื่องจากน้ำในเขื่อนมีเพียงพอสำหรับปลูกข้าวนาปรัง โดยปัญหาทั่วโลกเผชิญอยู่ในขณะนี้ เป็นปัญหาของผู้ซื้อที่ไม่ได้เข้ามาในตลาด เช่น อินโดนีเซียที่ปีที่ผ่านมาเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่ 4 – 5 ตัน แต่ในปีนี้อาจจะไม่มีการนำเข้าข้าว ทำให้ดีมานด์น้อยลง ขณะเดียวกัน ซัพพลายกลับเพิ่มขึ้นจำนวนมาก จึงถือเป็นปัญหาใหญ่ที่มากระทบต่อการส่งออกข้าว

ร.ต.ท.เจริญ ระบุว่า หลังจากนี้ต้องรอดูว่าอินเดียจะมีนโยบายอะไร ที่จะมากระตุ้นการส่งออก เนื่องจากสตอกข้าวของอินเดีย ปัจจุบันมากกว่าปกติ 3 เท่า หรือประมาณ 60 ล้านตันข้าวสาร ซึ่งอินเดียจะต้องระบายข้าวออกมาในตลาดโลก จึงเป็นสิ่งที่ผู้ส่งออกข้าวค่อนข้างกังวล หากไม่มีการควบคุม จะกระทบต่อราคาข้าวทั่วโลก รวมถึงไทย

ส่วนสถานการณ์ภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ มองว่าไม่ใช่ปัจจัยหลักที่กระทบไทย เนื่องจากไทยส่งออกข้าวหอมมะลิไปยังสหรัฐฯ เป็นหลัก และมองว่าอาจเป็นผลดี โดยต้องจับตาว่า เมื่อสหรัฐขึ้นภาษีนำเข้าข้าว ประเทศที่เคยซื้อจากสหรัฐจะหันมานำเข้าจากไทยหรือประเทศในเอเชียมากขึ้นหรือไม่

ร.ต.ท.เจริญ ระบุว่าขณะนี้ราคาข้าวอยู่ในระดับต่ำ โดยข้าวเปลือกขายได้ที่ ประมาณกว่า 7,000 บาทต่อตัน เกษตรกรบางส่วนอาจต้องปรับแผนการผลิตในฤดูนาปรังเดือนสิงหาคม โดยหันไปปลูกข้าวชนิดอื่น เช่น ข้าวหอมมะลิ หรือข้าวปทุม แทนข้าวขาว และยังมีปัจจัยที่น่ากังวล คือ อัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวนของเงินบาท เมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่ง เช่น เวียดนามและอินเดีย ซึ่งกระทบต่อการตั้งราคาขายข้าวและความสามารถในการแข่งขัน โดยได้เรียกร้องให้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เข้ามาดูแลเพื่อรักษาเสถียรภาพของค่าเงินบาทให้เอื้อต่อภาคการส่งออก

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles