พาณิชย์ เดินหน้า 2 มาตรการใหญ่คุมเข้มนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปลอดการเผา แก้ฝุ่นพิษข้ามพรมแดนให้คนไทย และคุมส่งออกสินค้า DUI ที่เกี่ยวข้องกับนิวเคลียร์ ปี 69 

นายดวงอาทิตย์ นิธิอุทัย รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเปิดเผยว่า ในปี 2569 กระทรวงพาณิชย์โดยกรมการค้าต่างประเทศ เตรียมเดินหน้าบังคับใช้มาตรการใหม่และเป็นมาตรการสำคัญ 2 เรื่อง  ได้แก่ การออกมาตรการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ปลอดการเผาเพื่อลดปัญหามลพิษ PM 2.5 ข้ามพรมแดน อันเป็นการร่วมปกป้องสุขภาพของคนไทยทั้งประเทศ และการเริ่มใช้มาตรการใบอนุญาตส่งออก (Export License) สำหรับสินค้าที่สามารถนำไปใช้เพื่อเป็นสินค้าปกติและใช้เป็นส่วนประกอบในอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง (WMD) ได้ด้วย  ที่เรียกว่า สินค้าสองทาง (Dual-Use Items : DUI) ที่เกี่ยวข้องกับนิวเคลียร์ เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจสินค้าไทย ในเวทีโลกและนักลงทุนต่างชาติว่าไทยยืนอยู่ข้างสันติภาพของโลก

ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 เป็นต้นไป กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าต่างประเทศ จะกำหนดให้ผู้นำเข้าสินค้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จะต้องมีหลักฐานเพื่อแสดงว่าสินค้าที่นำเข้ามาจากกระบวนการผลิตที่ “ปลอดการเผา” เพื่อลดการก่อฝุ่นพิษ PM 2.5 ข้ามพรมแดนที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน และเพื่อสร้างมาตรฐานการค้าใหม่ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ เนื่องจากข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เป็นสินค้าที่ในประเทศผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ ต้องนำเข้าปีละกว่า 1.3 – 2 ล้านตัน โดยส่วนใหญ่มีแหล่งนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านที่หลายพื้นที่ยังใช้วิธีเผาไร่หลังเก็บเกี่ยว ทำให้เกิดฝุ่น PM 2.5 ลอยข้ามมาไทย มาตรการใหม่จะกำหนดให้ผู้นำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ต้องขึ้นทะเบียนรายปีกับกรมฯ และในการนำเข้าจะต้องแสดงหลักฐานว่าสินค้ามาจากการผลิตแบบปลอดการเผาตามหลักฐานที่กำหนด โดยในช่วงแรกถือเป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน (transitional period) ของผู้นำเข้าไทย โดยมีเป้าหมายจะเริ่มตั้งแต่ ม.ค. 2569 ไปจนกระทั่ง พ.ร.บ อากาศสะอาด และกฎหมายลูกมีผลบังคับใช้ โดยจะให้ผู้นำเข้าสามารถรับรองตนเองได้ว่าสินค้านำเข้ามาจากแหล่งที่ไม่เผา หรือใช้เอกสารจากหน่วยงานรัฐของประเทศผู้ส่งออกหรือองค์กรที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลเป็นผู้รับรองก็ได้ พร้อมกับจะต้องมีการบันทึกข้อมูลการเพาะปลูก และที่ตั้งแปลงปลูกของสินค้าที่นำเข้า เพื่อให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ถึงแปลงเพาะปลูกในกรณีที่เกิดเหตุอันควรสงสัย 

ทั้งนี้ ในระยะที่สอง จะเริ่มภายหลังจาก พ.ร.บ อากาศสะอาด และกฎหมายลูกมีผลบังคับใช้เป็นต้นไปแล้ว จะใช้มาตรการที่มีความเข้มงวดมากขึ้น อาทิ การนำเข้าจะต้องใช้ใบรับรองจากหน่วยงานที่ยอมรับของประเทศผู้ส่งออกเท่านั้น จะต้องมีแผนที่แปลงการเพาะปลูกมาประกอบด้วย เป็นต้น นายดวงอาทิตย์ เพิ่มเติมว่า ถือเป็นครั้งแรกที่ไทยใช้มาตรการด้านสิ่งแวดล้อมกับการนำเข้าสินค้าเกษตร ซึ่งเป็นมาตรการที่ร่วมกันตกผลึกตั้งแต่ต้นปี 2568 ระหว่างหน่วยงานรัฐ เอกชน เกษตรกร และนักลงทุนไทยในประเทศเพื่อนบ้าน โดยร่วมกันหาแนวทางที่มีประสิทธิภาพ ค่อยเป็นค่อยไป ตรวจสอบได้ ไม่เป็นอุปสรรคเกินไปต่อการค้าระหว่างประเทศ และบังคับใช้อย่างเท่าเทียมทั้งสินค้ามาจากต่างประเทศและในประเทศอันสอดคล้องกับพันธกรณีระหว่างประเทศทั้ง ASEAN และ WTO อย่างมีสมดุล อย่างไรก็ดี มาตรการนี้ อยู่ระหว่างการนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ควบคู่ไปพร้อมกับแนวทางการป้องกันการขาดแคลนข้าวโพดเพื่อใช้ผลิตอาหารสัตว์ในกรณีที่การนำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านมีปัญหา ที่กำหนดโดยคณะกรรมการนโยบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (นบขพ) อาทิ การขยายโควตานำเข้าในกรอบองค์การการค้าโลก (WTO) ในระดับที่เหมาะสม พร้อมลดภาษีลงเหลือ 0% เป็นต้น โดยที่ยังคงมาตรการป้องกันผลกระทบที่จะเกิดกับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์อย่างเข้มงวดเช่นกัน เช่น มาตรการผู้นำเข้าต้องซื้อข้าวโพดในประเทศ 3 ส่วน ต่อการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ หรือ ข้าวสาลีจากต่างประเทศ 1 ส่วน เป็นต้น 

สินค้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ถือเป็นวัตถุดิบสำคัญของการผลิตอาหารสัตว์ โดยในปี 2567/2568 ไทยมีผลผลิตในประเทศ ต่อ ความต้องการใช้ อยู่ที่ 4.558 ล้านตัน : 8.436 ล้านต้น และในปี 2568/2569 อยู่ที่ 4.739 ล้านตัน : 9.201 ล้านตัน ทำให้มีการนำเข้าในปี 2567 และ 2568 (ม.ค. – มิ.ย.) อยู่ที่ 2.01 ล้านตัน และ 1.169 ล้านต้น ตามลำดับ โดยปี 2567 นำเข้าจาก เมียนมา (87%) ลาว (12.61%) กัมพูชา (0.39%)  ในขณะที่ ประเทศที่ส่งออกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สำคัญของโลก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา บราซิล และ อาร์เจนตินา    

ทั้งนี้ อีกหนึ่งมาตรการที่ผู้ส่งออกไทยต้องรับทราบและเตรียมความพร้อม คือ การบังคับใช้มาตรการออกใบอนุญาต (Licensing) สำหรับการส่งออกและการส่งกลับสินค้าที่สามารถนำไปใช้เพื่อเป็นสินค้าปกติและจะสามารถใช้เป็นส่วนประกอบอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง (WMD) หรือ สินค้าสองทาง (DUI) ที่เกี่ยวข้องกับนิวเคลียร์ (สินค้า DUI หมวด 0) เช่น เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ อุปกรณ์แขนกล และยูเรเนียมธรรมชาติ เป็นต้น โดยจะมีพิกัดศุลกากรที่เข้าข่ายต้องถูกควบคุมประมาณ 204 พิกัด (พิกัดระดับ 8 หลัก) ในการควบคุมตามมาตรการดังกล่าว ผู้ส่งออกต้องตรวจสอบว่าสินค้าของตนเป็น DUI หมวด 0 หรือไม่ ผ่านระบบ e-Classification ของกรมฯ ที่ www.etcwmd.dft.go.th หากพบว่าเป็น DUI จะต้องยื่นขออนุญาตผ่านระบบ e- DUI Licensing ที่กรมการค้าต่างประเทศพัฒนาขี้นมาโดยเฉพาะเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ส่งออก พร้อมแนบเอกสารประกอบ เช่น หนังสือรับรองการใช้สุดท้าย และเอกสารการซื้อขายสินค้า ซึ่งปัจจัยสำคัญที่จะใช้ในการพิจารณาของกรมฯ คือ ผู้ซื้อและการใช้งานสุดท้ายของสินค้านั้นจะถูกใช้อย่างไร หรือ หลักการ KYC (Know Your Customer) นั่นเอง ทั้งนี้ ระบบ e-classification จะเริ่มเปิดระบบให้ผู้ประกอบการตรวจสอบได้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2568  และผู้ประกอบสามารถยื่นขอใบอนุญาตผ่านระบบ e- DUI Licensing ได้ตั้งแต่ช่วงเดือน ธ.ค. 2568 นายดวงอาทิตย์ ได้กล่าวตอนท้ายว่า กรมฯ จะขยายกรอบการควบคุมอย่างแน่นอน ภายในไตรมาส 2 ปี 2569 โดยจะทำเป็นระยะๆ ค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้ผู้ประกอบการได้เรียนรู้และปรับตัวไปจนกระทั่งควบคุมครบทั้ง 10 หมวด

ของสินค้า DUI โดยจะประเมินรายการสินค้าอีกครั้ง จากสถานการณ์ด้านการส่งออกของไทยควบคู่ไปกับสถานการณ์ด้านความเสี่ยงด้านความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์  ทั้งนี้ กรมฯ ได้หารือเป็นระยะกับภาคเอกชนซึ่งได้ให้การสนับสนุนการดำเนินการนี้อย่างเต็มที่ และกรมฯ จะจัดสัมมนาเพื่อเตรียมความพร้อมรองรับมาตรการให้แก่ภาคเอกชนในวันที่ 24 ก.ย. 2568 ณ โรงแรมแกรนด์ ริชมอนด์

มาตรการนี้เป็นการดำเนินการภายใต้ข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) 1540 และ พ.ร.บ. การควบคุมสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง พ.ศ. 2562 โดยสินค้าที่เข้าข่ายเป็นสินค้า DUI ในหมวด 0 นี้ ไทยมีการส่งออกในปี 2567 เป็นมูลค่า 4.37 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่ส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา เนเธอร์แลนด์ ไต้หวัน จีน มาเลเซีย ญี่ปุ่น เป็นต้น 

ก้าวสำคัญของไทยทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและความมั่นคงการเดินหน้าสองมาตรการใหม่ในปี 2569 เป็นก้าวสำคัญของไทยในสองมิติที่แตกต่างกันแต่มีความเชื่อมโยงต่ออนาคตของประเทศ รวมถึงสะท้อนภาพลักษณ์ใหม่ของกระทรวงพาณิชย์ เพราะมาตรการ “ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ปลอดการเผา” เป็นการดูแลคุณภาพชีวิตประชาชนคนไทยทั้งประเทศ และยืนยันความเป็นผู้นำในการค้าที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ขณะที่อีกด้านมาตรการ “Licensing สินค้า DUI ” เป็นการยกระดับมาตรฐานความมั่นคง สร้างภาพลักษณ์ของไทยต่อประชาคมโลกในการป้องกันการแพร่ขยาย WMD

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles