พาณิชย์ เผยผลสำรวจพบ คนไทย 70% เข้าตลาดสด-ตลาดนัด นิยมเลือกซื้อผลไม้

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวง พาณิชย์ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเดือนพฤษภาคม 2567 จำนวน 4,614 ตัวอย่าง ครอบคลุมประชาชนทุกอำเภอทั่วประเทศ เกี่ยวกับพฤติกรรมการบริโภคผลไม้ พบว่า ผู้บริโภคนิยมเลือกซื้อผลไม้จากตลาดสด ตลาดนัด รถขายผลไม้ และซูเปอร์มาร์เก็ต ด้วยเหตุผลด้าน ความสะดวก และราคาถูก โดยจะซื้อผลไม้เป็นประจำทุกเดือนในเกือบทุกแหล่งขาย ด้วยวงเงินไม่เกิน 500 บาทต่อเดือน โดยผลไม้ที่ได้รับความนิยม คือ แตงโม ส้ม และกล้วย ขณะที่ผลไม้ตามฤดูกาลในช่วงเดือนพฤษภาคมสิงหาคม ที่นิยมซื้อ คือ ทุเรียน เงาะ และมังคุด

สำหรับบรรยากาศการซื้อขายผลไม้ในช่วงเดือนพฤษภาคมสิงหาคมนี้ คาดว่าจะทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลงจากปีที่แล้วมากนัก เพราะผู้บริโภคส่วนใหญ่มีแนวโน้มบริโภคปริมาณเท่าเดิมเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

นายพูนพงษ์กล่าวว่า ทั้งนี้เมื่อลงรายละเอียดผลการสำรวจ พบว่า แหล่งเลือกซื้อผลไม้จากแหล่งเลือกซื้อผลไม้ ในภาพรวมพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามเลือกซื้อผลไม้ที่ตลาดสด ตลาดนัด คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 70.63 ของจำนวนผู้ตอบทั้งหมด ตามด้วยรถขายผลไม้ ร้อยละ 42.06 และซูเปอร์มาร์เก็ต ที่ร้อยละ 32.05 

หากพิจารณาตามกลุ่มอายุ อาชีพ รายได้ และภูมิภาค พบว่า ผู้ที่จะเลือกซื้อผลไม้ที่ตลาดสด ตลาดนัด เป็นกลุ่มผู้มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป พนักงานของรัฐ ผู้มีรายได้ไม่เกิน 10,000 บาทต่อเดือน และผู้ที่อาศัยในภาคกลาง สำหรับรถขายผลไม้ จะเป็นที่นิยมในกลุ่มผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปี นักศึกษา ผู้มีรายได้ไม่เกิน 10,000 บาทต่อเดือน และผู้ที่อาศัยในภาคใต้ สำหรับซูเปอร์มาร์เก็ต จะเป็นกลุ่มผู้ประกอบการ ผู้มีรายได้มากกว่า 50,000 บาทต่อเดือน และผู้ที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล นอกจากนั้น เป็นที่น่าสังเกตว่า การซื้อผลไม้จากซูเปอร์มาร์เก็ต การสั่งซื้อออนไลน์ และซื้อจากผู้ผลิตโดยตรง มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เมื่อผู้ซื้อมีระดับรายได้ที่สูงขึ้น

โดยเหตุผลในการเลือกซื้อผลไม้จากแหล่งต่าง ๆ พบว่า ผู้ตอบเลือกซื้อผลไม้ที่ตลาดสด/ตลาดนัด เพราะสามารถเลือกสินค้าได้ ส่วนการซื้อที่รถขายผลไม้ เพราะสามารถซื้อได้สะดวก และเหตุผลในการซื้อที่ซูเปอร์มาร์เก็ต คือ คุณภาพ นอกจากนั้น ปัจจัยด้านคุณภาพ ยังเป็นเหตุผลสำคัญต่อการเลือกซื้อจากผู้ผลิตโดยตรง ทั้งนี้ ความคิดเห็นของผู้ตอบในภาพรวมจะเลือก

แหล่งซื้อผลไม้โดยพิจารณาความสะดวกเป็นอันดับแรก ร้อยละ 33.48 รองลงมาคือ ราคา ร้อยละ 27.26 คุณภาพ ร้อยละ 20.59 การเลือกสินค้าได้ ร้อยละ 16.50 และอื่น ๆ ร้อยละ 2.16

ส่วนความถี่และค่าใช้จ่ายในการซื้อผลไม้ภาพรวม พบว่า ผู้ตอบซื้อผลไม้ประจำทุกเดือนแต่ไม่ทุกสัปดาห์ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 39.41 ตามด้วยการซื้อทุกสัปดาห์ ร้อยละ 38.40 ซื้อไม่ทุกเดือน ร้อยละ 15.74 และมีเพียงร้อยละ 6.45 ที่ซื้อผลไม้ทุกวัน หากพิจารณาร่วมกับแหล่งซื้อที่ได้รับความนิยม พบว่า ตลาดสด/ตลาดนัด และรถขายผลไม้ จะนิยมซื้อทุกเดือนแต่ไม่ทุกสัปดาห์ ที่ร้อยละ 41.23 และร้อยละ 39.60 ตามลำดับ สำหรับซูเปอร์มาร์เก็ต นิยมซื้อทุกสัปดาห์ ร้อยละ 42.26 และหากพิจารณาตามกลุ่มอายุ อาชีพ รายได้ และภูมิภาค พบว่า กลุ่มที่นิยมซื้อผลไม้ทุกสัปดาห์เป็นอันดับแรก คือ พนักงานของรัฐ ผู้มีรายได้มากกว่า 50,000 บาทต่อเดือน และผู้ที่อาศัยในกรุงเทพฯ และปริมณฑล

ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการซื้อผลไม้ ผู้ตอบร้อยละ 41.20 จะซื้อผลไม้ในวงเงินระหว่าง 300 – 500 บาทต่อเดือน ตามด้วยวงเงินน้อยกว่า 300 บาทต่อเดือน ร้อยละ 39.51 ถัดมาคือ 501 – 1,000 บาทต่อเดือน ร้อยละ 15.69 และมีเพียงร้อยละ 3.61 ที่ซื้อผลไม้มากกว่า 1,000 บาทต่อเดือน หากพิจารณาร่วมกับแหล่งซื้อที่ได้รับความนิยม พบว่า ตลาดสด/ตลาดนัด และซูเปอร์มาร์เก็ต จะมีการใช้จ่ายไม่เกิน 500 บาทต่อเดือน ส่วนรถขายผลไม้จะใช้จ่ายไม่เกิน 300 บาทต่อเดือน

อย่างไรก็ดี ผู้ตอบมีแนวโน้มใช้จ่ายด้วยวงเงินที่สูง (500 บาทขึ้นไป) เมื่อซื้อจากผู้ผลิตโดยตรง นอกจากนี้ หากพิจารณาตามกลุ่มอายุ อาชีพ รายได้ และภูมิภาค พบว่า ผู้มีรายได้มากกว่า 50,000 บาทต่อเดือน จะซื้อผลไม้ด้วยวงเงินที่สูงกว่ากลุ่มอื่น ๆ

ผลสำรวจครั้งนี้ว่า ปัจจุบันผู้บริโภคชาวไทยนิยมบริโภคผลไม้โดยเน้นความชอบในรสชาติเป็นสำคัญ และจะเลือกซื้อ ณ สถานที่จำหน่ายที่มีความสะดวก ราคาเหมาะสม สินค้ามีคุณภาพ และสามารถเลือกสินค้าได้ ส่งผลให้ตลาดสด/ตลาดนัด ร้านผลไม้ และซูเปอร์มาร์เก็ต ที่มีคุณสมบัติข้างต้น รวมถึงการจำหน่ายแบบไม่แพ็ค ที่เปิดโอกาสให้ผู้ซื้อเลือกสินค้าเอง ได้รับความนิยมจากผู้บริโภค ดังนั้น เกษตรกรผู้ผลิตผลไม้จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพสินค้า โดยเฉพาะรสชาติ และเชื่อมโยงผลผลิตไปยังตลาดที่ได้รับความนิยม พร้อมทั้งเพิ่มช่องทางสั่งซื้อโดยตรงเพื่อจับตลาดผู้มีกำลังซื้อสูง

สำหรับบรรยากาศการซื้อขายผลไม้ในช่วงเดือนพฤษภาคมสิงหาคมนี้ คาดว่าจะทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลงจากปีที่แล้วมากนัก ด้วยเหตุนี้ ผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย ตลอดจนภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง จำเป็นต้องบริหารจัดการผลผลิตที่ทยอยออกสู่ตลาด โดยเฉพาะการกระจายผลผลิตทั้งตลาดภายในและต่างประเทศ โดยในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ ได้ติดตามดูแลสถานการณ์การจำหน่ายผลไม้ในประเทศอย่างใกล้ชิด

ทั้งการดำเนินโครงการโมบายธงฟ้าเพื่อเป็นจุดซื้อทางเลือกให้ผู้บริโภครวมถึงการประสานผู้ประกอบการผู้รวบรวมโรงงานห้างค้าปลีกค้าส่งห้างท้องถิ่นและสถานีบริการน้ำมันตลอดจนโครงการคอนโดมีเนียมและหมู่บ้านเพื่อกระจายจุดรับซื้อและจำหน่ายผลไม้อย่างทั่วถึงขณะที่ตลาดต่างประเทศได้มีการแก้ไขปัญหาและอำนวยความสะดวกทางการค้าเพื่อให้การขนส่งผลไม้ทางเรือและทางถนนผ่านด่านการค้าต่างๆเป็นไปอย่างคล่องตัวและล่าสุดกระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการตามข้อสั่งการจากนายเศรษฐาทวีสินนายกรัฐมนตรีกำหนดมาตรการจัดการผลไม้และพืชเศรษฐกิจ

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles