นายวิทยากร มณีเนตร ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ และโฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากกรณีข่าวปัญหามะพร้าวผลแก่และ กะทิสด ในจังหวัดตรังมีราคาแพง ส่งผลกระทบต่อราคาอาหารและขนมหวานหลายชนิดที่ใช้กะทิเป็นวัตถุดิบที่สำคัญ นั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มอบหมายให้กรมการค้าภายในติดตามสถานการณ์ราคามะพร้าวผลแก่และกะทิสดอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้กระทบต่อประชาชนผู้บริโภค พร้อมทั้งให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดได้ลงพื้นที่ตรวจสอบราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่สำคัญ โดยส่งเจ้าหน้าที่สายตรวจสุ่มตรวจสอบร้านค้าอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบสถานการณ์มะพร้าวผลแก่และกะทิสด พบว่า มะพร้าวผลแก่เป็นสินค้าที่ออกสู่ตลาดตลอดทั้งปี โดยช่วงออกมาก (เม.ย. – ก.ค.) ราคาที่เกษตรกรขายได้ จะเคลื่อนไหวอยู่ในเกณฑ์ต่ำ อยู่ที่เฉลี่ย 5-9 บาท/ผล และช่วงออกน้อย (ส.ค. – มี.ค.) ราคาจะปรับสูงขึ้น อยู่ที่เฉลี่ย 18-28 บาท/ผล สำหรับปี 2567 กระทรวงเกษตรฯ คาดว่าจะมีมะพร้าวผลแก่ในประเทศ ประมาณ 0.86 ล้านตัน น้อยกว่าปีที่ผ่านมา (0.94 ล้านตัน) และน้อยกว่าผลผลิตย้อนหลังเฉลี่ย 3 ปี (ปี 64-66) ร้อยละ 8.51 และ 7.53 ตามลำดับ เนื่องจากภาวะฝนแล้งต่อเนื่อง ทำให้ปริมาณน้ำฝนไม่เพียงพอกับความต้องการของมะพร้าว รวมทั้งโรคแมลงศัตรูมะพร้าวระบาด (แมลงดำหนาม หนอนหัวดำ และด้วงแรด) ขณะที่ความต้องการใช้ อยู่ที่ 1.19 ล้านตัน โดยเป็นความต้องการใช้ของตลาดผู้ค้าส่ง/ตลาดสด ประมาณร้อยละ 35 และโรงงานกะทิสำเร็จรูป ประมาณร้อยละ 65 ทั้งนี้ โรงงานฯ ได้นำเข้ามะพร้าวผลมาใช้ในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย ซึ่งช่วยให้ภาวการณ์ขาดแคลนมะพร้าวผลภายในประเทศผ่อนคลายได้ระดับหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มราคามะพร้าวผลแก่ปรับตัวสูงขึ้นกว่าปีก่อน ตามปริมาณผลผลิตที่ออกสู่ตลาดน้อย ปัจจุบัน (16 ต.ค.67) ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศอยู่ที่ 19.08 บาท/ผล
ทั้งนี้ สินค้ามะพร้าวและผลิตภัณฑ์มีการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ เพื่อรักษาสมดุลของอุปสงค์-อุปทานมะพร้าวตลอดห่วงโซ่อุปทาน และมีการกำกับดูแลโดยคณะอนุกรรมการบริหารจัดการสินค้ามะพร้าว ภายใต้คณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช ซึ่งมีผู้แทนของหน่วยงานราชการ เอกชน และเกษตรกร เป็นอนุกรรมการ/กรรมการ และสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เป็นอนุกรรมการและเลขานุการ
กรมการค้าภายในและสำนักงานพาณิชย์จังหวัด จะติดตามสถานการณ์มะพร้าวแก่และราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่สำคัญอย่างต่อเนื่อง หากพบผู้ประกอบการดำเนินการใดๆ โดยจงใจที่จะทำให้ราคาสูงเกินสมควร หรือทำให้ปั่นป่วนซึ่งราคาของสินค้าหรือบริการใด จะดำเนินการตามกฎหมายต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และประชาชนสามารถร้องได้ที่สายด่วน 1569 หรือ Line@MR.DIT และสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ