พาณิชย์ ใช้ Big Data คัดกรองธุรกิจนอมินี พัฒนาระบบ IBAS ปกป้องผู้ประกอบการไทย

นายวรวงศ์ รามางกูร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายดิจิทัลและเศรษฐกิจดิจิทัลกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ระบบ IBAS เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูล Big Data ที่กระทรวงพาณิชย์พัฒนาขึ้น เพื่อคัดกรองนิติบุคคลที่อาจเข้าข่ายเป็นนอมินีหรือละเมิดพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 รวมถึงกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง เป็นการใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อนกลไกการกำกับดูแลให้มีประสิทธิภาพ สร้างความมั่นใจแก่ผู้ประกอบการไทย และเสริมศักยภาพให้แข่งขันได้อย่างเท่าเทียมกัน

ระบบ IBAS มีจุดเด่นในการคัดกรองเชิงลึกแบบ Targeted Screening ที่แม่นยำสูง สามารถตรวจจับความเชื่อมโยงระหว่างบุคคลและนิติบุคคลได้อย่างรวดเร็ว นำไปสู่การดำเนินการปราบปรามเชิงรุกอย่างมีประสิทธิภาพ

“ปัญหานอมินีเป็นภัยเงียบที่ส่งผลต่อโครงสร้างเศรษฐกิจไทยในระยะยาว ไม่สามารถอาศัยแรงงานเจ้าหน้าที่เพียงอย่างเดียวได้ ต้องอาศัย เทคโนโลยี และข้อมูล รวมถึงการบูรณาการร่วมกันของหน่วยงานภาครัฐ การพัฒนาระบบ IBAS เป็นหนึ่งในมาตรการภายใต้นโยบายของคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ที่นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เป็นธรรมสำหรับผู้ประกอบการที่สุจริต และป้องกันการใช้ช่องว่างทางกฎหมายในการแข่งขันอย่างไม่เป็นธรรม“ นายวรวงศ์ กล่าว

ระหว่างการประชุมติดตามความก้าวหน้า นายวรวงศ์ได้มอบนโยบายให้เร่งเชื่อมโยงและบูรณาการข้อมูลกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมสรรพากร กรมศุลกากร กรมที่ดิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อยกระดับความสมบูรณ์ของฐานข้อมูลกลาง โดยระบบ IBAS จะไม่ใช่แค่เครื่องมือของรัฐ แต่เป็นหลักประกันความมั่นคงให้กับระบบเศรษฐกิจไทย ช่วยให้ภาครัฐสามารถตรวจสอบและป้องกันความผิดได้ตั้งแต่ต้นทาง ไม่ต้องรอให้ปัญหาเกิดขึ้นแล้วจึงเข้าไปแก้ไข คาดว่าจะสามารถเปิดใช้งานได้ภายในเดือนสิงหาคม 2568

“ผมไม่มองปัญหานอมินีเป็นแค่เรื่องกฎหมาย แต่เห็นเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างซ้อนอยู่บนความไม่เป็นธรรมที่สะสมมาอย่างยาวนาน และต้องแก้ด้วยการใช้ “ข้อมูล” เพื่อ “ปราบปรามเครือข่าย” อย่างมียุทธศาสตร์”

สำหรับข้อมูล เดือนกันยายน 2567 ถึงพฤษภาคม 2568 คณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ที่มีนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน ได้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับสินค้าผิดกฎหมายจำนวน 57,739 คดี รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 2,287 ล้านบาท สามารถจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าที่มีมูลค่าต่ำกว่า 1,500 บาท ได้ถึง 1,875 ล้านบาท และดำเนินการ Notice and Takedown เพื่อลบสินค้าผิดกฎหมายออกจากแพลตฟอร์มออนไลน์มากกว่า 14,976 รายการ พร้อมปราบปรามธุรกิจนอมินีแล้ว 861 ราย รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 15,296 ล้านบาท

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles