นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการตรวจสอบผู้ชนะประมูลข้าวสารสตอกรัฐบาลเก่า 10 ปีของรัฐ ว่า หลังจากเมื่อวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา ครบ 7 วัน ที่สั่งการให้คณะกรรมการรับซอง เปิดซอง และต่อรองราคา ตรวจสอบบริษัท วีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง จำกัด ผู้เสนอราคาซื้อสูงสุดที่กิโลกรัมละ 19.07 บาท รวมมูลค่าราว 286 ล้านบาท แต่ยังมีข้อสงสัยเรื่องทุนจดทะเบียนเพียง 2 ล้านบาท แต่สามารถซื้อข้าวรัฐยื่นมูลค่าสูงถึง 286 ล้านบาท ล่าสุดในวันนี้ (3 ก.ค.) คณะกรรมการฯ อยู่ระหว่างการประชุมเพื่อพิจารณาข้อสรุปอีกครั้ง หากผลประชุมสรุปออกมาคลายข้อสงสัยแล้ว ในวันพรุ่งนี้ (4 ก.ค.) คิดว่าน่าจะประกาศรายชื่อผู้ชนะประมูลข้าวได้ทันที
อย่างไรก็ตาม ผู้เสนอราคาซื้อข้าวสูงสุดรายแรก ได้ทำหนังสือไปที่องค์การคลังสินค้า (อคส.) ว่ายืนยันราคาที่ต่อรองเพิ่มขึ้นได้อีก แต่อยู่ระหว่างการเจรจาต่อรอง เบื้องต้นบริษัทวีเอท ยินดีให้ราคาเพิ่มจาก 19.07 บาท/กก. เป็น 19.073 บาท/กก. แต่ขอให้เรื่องผลการตรวจสอบข้อสงสัยต่างๆ ให้ออกมาชัดเจนก่อนแล้ว กระทรวงพาณิชย์จะแถลงผลให้สาธารณชนได้ทราบกัน และเมื่อทุกอย่างไม่มีข้อสงสัยแล้วทาง อคส.จะเรียกบริษัทที่ชนะประมูลมาวางหลักทรัพย์ไว้ที่ อคส. เพื่อรับประกันว่า มีศักยภาพที่จะซื้อข้าวลอตนี้จริง เพื่อให้สิ้นข้อสงสัย และไม่ทิ้งสัญญา แต่หากมีปัญหาทิ้งสัญญา อคส. จะยึดเงินที่นำมาวางไว้ เป็นต้น
โดยเมื่อวันที่ 3 ก.ค. คณะกรรมการฯพิจารณาเสร็จสิ้น และเคลียร์ข้อสงสัยทุกอย่างได้หมด ก็ไม่มีปัญหา และน่าจะประกาศผลได้วันที่ 4 ก.ค.นี้เลย หลังจากนั้น อคส. ก็จะเรียกมาทำสัญญาตามเวลาที่กำหนด
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์แจ้งว่าขณะนี้ไม่ว่าราคาที่บริษัทวีเอทให้สูงขึ้นถือว่าไม่น่าห่วง แต่สิ่งที่กระทรวงพาณิชย์ห่วงมาก คือทุกเรื่องต้องไม่กระทบตามหลังมาและไม่ให้เกิดข้อสงสัยเกิดขึ้นอีก ดังนั้นการตรวจสอบเชิงลึกในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ขอข้อมูลพื้นที่จากหน่วยงานกระทรวงพาณิชย์เท่านั้น โดยยังตรวจสอบและขอข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย เช่น ลงไปดูในเรื่องทะเบียนผู้ใช้แรงงานทั้งของผู้บริหารและเกี่ยวข้องกับบริษัทวีเอททั้งหมดว่าขึ้นทะเบียนแรงงานอย่างถูกต้องตามหลักของกฎหมายหรือไม่ เพราะตรงนี้จะทำให้รับทราบถึงผู้ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทวีเอททั้งหมดมีที่มาที่ไปอย่างไร หากถูกต้องก็เชื่อมั่นได้ว่าเป็นบริษัทที่ดีและมีคุณภาพ