นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่ากรณีที่เครือข่ายสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ 4 แห่ง ได้แก่ สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่แปดริ้ว จำกัด, สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่เชียงใหม่-ลำพูน จำกัด, สหกรณ์ผู้เลี้ยง ไก่ไข่ลุ่มแม่น้ำน้อย จำกัด และสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ชลบุรี จำกัด ได้ออกประกาศราคาแนะนำไข่ไก่คละหน้าฟาร์มที่ฟองละ 3.80 บาท ทำให้ราคาไข่ไก่ปรับขึ้นแผงละ 9 บาท หรือฟองละ 30 สตางค์ ทั้งขายปลีกและขายส่ง
โดยในการปรับราคาไข่ไก่ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงมาก เพราะก่อนปรับขึ้นราคาไข่ไก่หน้าฟาร์มอยู่ที่ฟองละ 3.70 บาท และสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ประกาศขายใหม่ที่ราคาฟองละ 3.80 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ลดมาจากราคาที่ประกาศไว้ตั้งแต่ ก.ค. 66 ที่ฟองละ 4.00 บาท แต่ราคาขายจริงไม่ถึง 4 บาท ขายแค่ 3.70 บาทดังนั้น เท่ากับว่าราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์ม ล่าสุดปรับขึ้นเพียงฟองละ 10 สตางค์
ส่วนราคาขายปลีกนั้นจากการติดตาม ไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่ได้สั่งให้กรมการค้าภายใน ติดตามดูแลและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น รวมถึงดูแลโครงสร้างราคาอื่นๆ ทั้งระบบ เช่น หมูด้วย ไม่ใช่เฉพาะไข่ไก่ เกิดปัญหาขึ้นครั้งหนึ่งแก้ครั้งหนึ่ง เป็นการแก้ไขปัญหาแค่ชั่วคราว แก้เป็นบางส่วนมีปัญหาอีกก็แก้อีก แล้วก็เอาเงินรัฐไปอุดหนุน ไม่ได้แก้ไขปัญหาตั้งแต่ต้นเหตุ
นายภูมิธรรมยังกล่าวอีกว่า การปรับขึ้นราคาไข่ไก่ก็ยังไม่ได้กังวลเท่ากับการพาดหัวข่าว อาจจะทำให้ตื่นเต้น กังวลเกินไป แต่ก็ไม่ว่าอะไร มองว่าเป็นเสียงเตือนให้เราคิดให้มากขึ้น ส่วนโครงสร้างราคาหมูนั้น ได้หารือกับผู้เลี้ยงแล้ว ซึ่งพร้อมหารือโครงสร้างราคาที่เหมาะสม กระทรวงพาณิชย์เป็นเพียงปลายน้ำ เวลาราคาขึ้น-ลง ก็ต้องมาแก้ไขทันที ดังนั้น ก็ได้ให้ผู้เลี้ยงทบทวนหาข้อสรุปต้นทุนที่สมดุลแล้วมาหารือเพื่อให้ได้ราคาที่เหมาะสม ซึ่งต้องใช้เวลา ส่วนช่วงใกล้เทศกาลตรุษจีนที่ราคาหมูอาจปรับขึ้นนั้น ได้เชิญผู้ประกอบการ ผู้ผลิต ห้างสรรพสินค้ามาหารือเพื่อขอให้ขายราคาที่เหมาะสมขณะที่ผู้เลี้ยงก็ขอไปคิดเพื่อหาราคาที่ลงตัว คาดว่าเร็วๆ นี้จะได้ข้อสรุป