ธนาคารซิตี้ กรุ๊ป อินคอร์อเรชั่น ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ยักษ์ใหญ่อันดับ 3 ในสหรัฐอเมริกา และมีชื่อดังระดับโลก เปิดเผยว่า เตรียมปลดพนักงานครั้งใหญ่จำนวน 3,500 คนที่เมืองเซี่ยงไฮ้ และเมืองต้าเหลียน ประเทศจีน โดยพนักงานที่เข้าข่ายถูกปลดในครั้งนี้ ซึ่งอยู่ที่ศูนย์กลางบริการลูกค้าของทั้ง 2 เมืองดังกล่าว ได้แก่ กลุ่มงานเทคโนโลยี ที่ประกอบไปด้วยบริการไอที งานพัฒนาโปรแกรม งานบริการทดสอบและดูแลรักษาโปรแกรม และงานบริการระบบปฏิบัติการลูกค้า อย่างไรก็ตาม จะมีพนักงานเหลืออยู่จำนวนหนึ่งซึ่งไม่มากนัก จะถูกโยกย้ายไปทำงาน ที่ศูนย์เทคโนโลยีของธนาคารซิตี้กรุ๊ปในที่อื่นๆ ซึ่งไม่ได้มีการระบุรายละเอียดเพิ่มเติม
สาเหตุในการปลดพนักงานครั้งใหญ่ของธนาคารซิตี้กรุ๊ปในประเทศจีนครั้งนี้เนื่องจากธนาคารต้องการตัดลดและควบคุมค่าใช้จ่ายในธุรกิจธนาคารอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในประเทศจีน ความไม่แน่นอนของกิจการ และธุรกิจธนาคารมีสูงมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นผลกระทบจากสงครามภาษีการค้าและการค้าระหว่างสหรัฐอและจีนรวมถึงทั่วโลก สำหรับการปรับโครงสร้างธุรกิจและสายงานการบังคับบัญชาให้สั้นลงมากที่สุดเท่าที่จะทำได้นั้น มีขึ้นในสหรัฐอเมริกาอินโดนีเซีย โปแลนด์ และฟิลิปปินส์ด้วย
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2024 ธนาคารซิตึ้กรุ๊ป ได้ปลดพนักงานธนาคารซิตี้กรุ๊ปในประเทศสิงคโปร์ออกเป็นจำนวน 500 คน ส่งผลให้จำนวนพนักงานประจำ และพนักงานสัญญาจ้างรวมกันลดเหลืออยู่ที่ 8,000 คน จากเดิมมีอยู่ที่ 8,500 คนเมื่อเดือนตุลาคมปี 2023 ผ่านมา ขณะที่เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2024 ธนาคารซิตึ้กรุ๊ป เปิดเผยว่า สิ้นสุดไตรมาสที่ 1 ปี 2024 ธนาคารได้ปลดพนักงานออกเป็นจำนวน 2,000 คน ซึ่งเป็นการทยอยปลดพนักงานที่กำหนดไว้ราว 7,000 คนเมื่อถึงสิ้นสุดในไตรมาสที่ 2 นี้
นายมาร์ค เมสัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน ธนาคารซิตี้กรุ๊ป กล่าวว่า การปลดพนักงานที่มีขึ้นใน 2 ไตรมาสแรกของปีนี้ เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายในระยะยาวที่ระบุว่าภายใน 2 ปีจากนี้ไป พนักงานของธนาคารซิตี้กรุ๊ปจะต้องถูกปลดออกมากถึง 20,000 คน ซึ่งถือเป็นการปลดพนักงานครั้งใหญ่ในรอบหลายปีผ่านมา ซึ่งจะส่งผลให้ธนาคารสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากถึง 2,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 87,500 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2024 ผ่านมา นางเจน เฟรเซอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ ซิตึ้กรุ๊ป กล่าวว่า ผลประกอบในไตรมาสที่ 4 ปี 2023 ผ่านไป ได้สร้างความผิดหวังอย่างมาก ทำให้เห็นได้ว่าวิธีการจัดการที่ผ่านมายังคงห่างไกลที่จะทำให้ธนาคารมีความคล่องตัว และลดขั้นตอนต่างๆให้ง่ายขึ้น โดยคาดการณ์ว่าผลประกอบการรายไตรมาสจะมีผลขาดทุนอยู่ที่ 1,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 63,000 ล้านบาท
นางเจน เฟรเซอร์ ซีอีโอ ธนาคารซิตึ้กรุ๊ป เปิดเผยว่า สาเหตุการลดค่าใช้จ่ายเพื่อที่จะลดความซับซ้อนในองค์กร เนื่องจากจำนวนผู้บริหารมีมากเกินไป การลดพนักงานทำให้ธนาคารซิตี้ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลงมาได้ แต่ยอมรับว่า การปรับโครงสร้างของสถาบันการเงินครั้งนี้เป็นผลกระทบมากที่สุดต่อระบบการทำงานของสถาบันการเงินแห่งนี้ในรอบ 20 ปี