นายพันธ์ พะเนียงเวทย์ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TFMAMA ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรา “มาม่า” ประเมินตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในปี 2568 คาดว่าจะขยายตัวจากปีนี้ได้อีก เนื่องจากสถานการณ์ต้นทุนวัตถุดิบไม่ผันผวน เหมือนเมื่อปี 2565 แล้ว แต่ยังกังวลเรื่องสงครามที่ยืดเยื้อที่จะส่งผลต่อราคาพลังงานอาจจะส่งผลต่อต้นทุน แต่ขณะนี้ยังเชื่อว่าสามารถบริหารจัดการได้ ขณะเดียวกันในปีหน้าจะติดตั้งเครื่องจักรเสร็จอีก 2 เครื่อง จากเดิม 4 เครื่อง เป็น 6 เครื่อง โดยจะทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นสำหรับมาม่าบิ๊กแพคและมาม่าโอเค ที่ตลาดเติบโตขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมา ส่วนการส่งออกในปีหน้าจะพยายามเพิ่มสัดส่วนจากปัจจุบัน 28-30% เป็น 30-40% โดยการขยายการผลิตและตลาดต่างประเทศ เพื่อดันรายได้ไปสู่เป้า 30,000 ล้านบาท ในปี 2569-2570
ส่วนในปี 2567 จะเติบโต 5-6% แม้ภาวะเศรษฐกิจไม่ดี แต่ยอดขายยังขยายตัว โดยเฉพาะในกลุ่มบะหมี่พรีเมียม โดยในส่วนของมาม่าคาดว่าปีนี้จะมียอดขายรวมประมาณ 29,000 ล้านบาท เติบโต 7-8% และมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 50-51% จากมูลค่าตลาดรวม 20,000 ล้านบาท และถือว่ามากที่สุดในตลาด
โดยการที่ตลาดปีนี้ขยายตัวได้ดี เนื่องจากสถานการณ์ต้นทุนเริ่มทรงตัว ทำให้ผู้ผลิตมีการแข่งขันทำกิจกรรมการตลาดและจัดโปรโมชั่นมากขึ้น จึงเป็นการกระตุ้นกำลังซื้อในตลาด เพราะผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น โดยเฉพาะไตรมาส 4 นี้ เชื่อว่ากำลังซื้อจะคึกคักขึ้น จากมาตรการกระตุ้นของภาครัฐที่ออกมา โดยแจกเงินสด 10,000 บาทให้กับกลุ่มเปราะบางและผู้พิการ แต่ไม่ได้หมายความว่าผู้ได้สิทธิจะทำเงินมาซื้อมาม่ามากขึ้น แต่เป็นการซื้อโดยปกติที่ทุกครัวเรือนจะมีการซื้อเป็นประจำอยู่แล้วมากกว่า