ยักษ์ไมโครชิปอันดับ 2 เอเอ็มดีปลดพนักงาน 1,000 คนทั่วโลก ปรับรูปแบบธุรกิจหันเน้นไมโครชิปในตลาดเอไอ

ยักษ์ไมโครชิปอันดับ 2 เอเอ็มดี ปลดพนักงาน 1,000 คนทั่วโลก ปรับรูปแบบธุรกิจหันเน้นไมโครชิปในตลาดเอไอ

เอเอ็มดี (AMD) ผู้ผลิตไมโครชิปประเภทประมวลผลการทำกราฟฟิก หรือจีพียู รายใหญ่อันดับ 2 ของสหรัฐ และของโลก ซึ่งมีบริษัทเอ็นวีเดียที่เป็นผู้ผลิตไมโครชิปยักษ์ใหญ่อันดับ 1 เปิดเผยว่า เตรียมตัดลดค่าใช้จ่ายครั้งใหญ่ด้วยการปลดพนักงานออกเป็นจำนวนมากถึง 1,000 คน หรือ 4% จากจำนวนพนักงานทั้งหมดที่มีอยู่ 26,000 คนทั่วโลก

สาเหตุจาก เพื่อเป้าหมายในการผสมผสานศักยภาพของเอเอ็มดีกับโอกาสการเติบโตที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต บริษัทได้ดำเนินการหลากหลายขั้นตอนสำคัญ และเป็นเป้าหมายหลัก ซึ่งเป็นความไม่โชคดีที่จะต้องกระทบกับพนักงานในปัจจุบันที่ต้องนำไปสู่การลดจำนวนพนักงานลงราว 4% ทั่วโลก

ตั้งแต่ต้นปีนี้มาถึงปัจจุบัน ราคาหุ้นของเอเอ็มดีลดลง -5% ซึ่งตรงกันข้ามกับราคาหุ้นของบริษัทไมโครชิปใหญ่อันดับ 1 ของโลกอย่างเอ็นวีเดียที่พุ่งทะยานกว่า 200% เมื่อเทียบในช่วงเวลาเดียวกัน จนส่งผลให้เอ็นวีเดียมีขนาดมูลค่าของบริษัทพุ่งสูงแตะหลัก 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 35 ล้านล้านบาทในช่วงที่ผ่านมา

เอเอ็มดีผลิตไมโครชิปประเภทใช้งานกับเอไอ หรือ MI300X ในศูนย์ข้อมูล หรือ Data Center ซึ่งบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของโลก เช่น เมตา และไมโครซอฟท์ มักจะพิจารณาเป็นทางเลือกเมื่อเปรียบเทียบกับไมโครชิปของเอ็นวีเดีย ปัจจุบันเอ็นวีเดียเป็นผู้นำอันดับ 1 ในตลาดไมโครชิปสำหรับเอไอ ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดสูงมากถึง 80% ของทั้งหมด ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากที่เอ็นวีเดียผลิตซอฟท์แวร์ที่เป็นแกนหลักซึ่งวิศวกรเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ นำไปสร้างและพัฒนาโปรแกรมต่างๆ เช่น แชทจีพีที ของโอเพ่นเอไอ

เอเอ็มดีคาดการณ์ว่า มูลค่าตลาดรวมของไมโครชิปสำหรับเอไอจะเติบโตขึ้นถึง 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 17.5 ล้านล้านบาทภายในปี 2028 ท่ามกลางยอดขายรวมของเอเอ็มดีมีเพียง 125,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 4.4 ล้านล้านบาทภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งถูกคู่แข่งอันดับ 1 อย่างเอ็นวีเดียมียอดขายรวมพุ่งสูงกว่า

ทั้งนี้ ไมโครชิปประเภทจีพียูนั้น ได้รับการออกแบบมาเพื่อใช้ในตลาดเกมออนไลน์ แต่ธุรกิจเกมออนไลน์ได้รับผลกระทบจากภาวะตลาดชะลอตัว ปัจจัยเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวด้วย จึงส่งผลให้ไมโครชิปของเอเอ็มดีตกต่ำมากถึง -59% ในปี 2024 นี้ ซึ่งจะทำให้มีรายได้ลดลงมาอยู่ที่ 2,570 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 89,950 ล้านบาท นอกจากนี้ เอเอ็มดียังได้ผลิตไมโครชิปในเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งประเภทพีซี และแลปท็อป ซึ่งตลาดเครื่องคอมพิวเตอร์ดังกล่าวชะลอตัวลงจากความนิยมในการใช้งานลดน้อยลง

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles