ยังไงละทีนี้! “เศรษฐา ทวีสิน” หลุดเก้าอี้นายกฯ หลังศาล รธน. มีมติตัดสิทธิ ดิจิทัลวอลเล็ตสะดุด

องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อ่านคำวินิจภัยมีมติโดยตุลาการเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 ความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) เนื่องจากไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) และสั่งให้คณะรัฐมนตรีพ้นจาตำแหน่งทั้งคณะ

ย้อนกลับไปเมื่อเวลา 15.00 น. ศาลรัฐธรรมนูญ องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ขึ้นนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัย กรณีที่ 40 สว. ยื่นผ่านประธานวุฒิสภาส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่าความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ จากการแต่งตั้ง “พิชิต ชื่นบาน” เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยฝ่ายนายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง มี นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนนายกฯ มาฟังคำวินิจฉัย

ทั้งนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นับเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทยโดยเมื่อวันที่ 23 ส.ค. 2566 นายเศรษฐา รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 โดยหนึ่งในคำสัญญาที่นายเศรษฐา ประกาศว่าจะทุ่มเททำงานตามมาตรฐานจริยธรรมด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ

อย่างไรก็ตาม นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ กล่าวว่าในส่วนของนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ก็ต้องมาดูว่ารองนายกรัฐมนตรีรักษาการณ์จะดำเนินการอย่างไร แต่หากรองนายกรักษาการณ์สามารถยุบสภาผู้แทนราษฎรได้ ก็เห็นว่าจะไม่เป็นผลดีต่อพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลในขณะนี้แต่อย่างใด อีกทั้งเห็นว่าพรรคแกนนำคือพรรคเพื่อไทยอาจจะต้องนำบุคคลในพรรคที่เป็นแคนดิเดตนายกฯ ถึง 2 คน เลือกให้มาเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่เพื่อรักษาสิทธิโครงการดิติทัลวอลเล็ตและแนวนโยบายอื่นๆ ไว้ เพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าและไม่หยุดชะงักไป ซึ่งจะเป็นผลดีต่อพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลอย่างมากโดยไม่ต้องยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่จะทำให้เศรษฐกิจไทยชะลอไปอีกเป็นปีได้ ดังนั้น จึงเชื่อว่าหากไม่มีการเปลี่ยนตัวนายกฯ เศรษฐา โดยเศรษฐกิจไทยจะเติบโตหลังมีโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเกิดขึ้นในช่วงปลายปีอยู่ที่ร้อยละ 2.6-2.8 และปี 68 อยู่ที่ร้อยละ 3.2-3.5 ได้ แต่หากยุบสภาและเลือกตั้งใหม่คงต้องประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยอีกครั้ง

บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุ จากการที่นายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง ทางฝ่ายประเมินว่าดัชนี SET Index มีโอกาสลงไปทดสอบแนวรับที่ 1,250 จุด ท่ามกลางควางกังวลเสถียรภาพของการเมืองไทย และมาตรการทางเศรษฐกิจของภาครัฐที่มีแนวโน้มสะดุดลง โดยเฉพาะโครงการ Digital Wallet แล้วจากนั้น SET Index จะรอติดตามการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่อาจใช้เวลาประมาณ 1 เดือน และนโยบายของรัฐบาลใหม่ในขั้วเดิมก่อนเลือกทางอีกครั้ง ซึ่งหากการเลือกนายกรัฐมนตรีดำเนินไปได้ปกติ กล่าวคือไม่เกิดภาวะสุญญากาศเป็นเวลานาน และรัฐบาลใหม่มีนโยบายที่เอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ จะส่งผลให้ SET Index มีแนวโน้มที่จะค่อยๆ ฟื้นตัวในระยะถัดมา

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles