สำนักข่าวเดอะ เทเลกราฟ (The Telegraph) ซึ่งเป็นสำนักข่าวและสื่อชื่อดังในประเทศสหราชอาณาจักร รายงานว่าเจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสจํานวนหนึ่งในพรรคสหภาพประชาธิปไตยคริสเตียน หรือซีดียู (CDU) ของเยอรมนี ซึ่งเป็นพรรคแกนนำที่จะเป็นรัฐบาลเยอรมนีชุดใหม่ กําลังพิจารณาจะถอนการฝากทองคำแท่งสำรองจำนวนมากถึง 1,200 ตันหรือคิดเป็น 30% ของปริมาณทองคำสำรองของเยอรมนีที่มีอยู่ทั่วโลก ออกจากธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟดที่สาขานิวยอร์ก ปริมาณสำรองทองคำแท่งของประเทศเยอรมนีดังกล่าวคิดเป็นมูลค่าสูงถึง 113,000 ล้านเหรียญยูโร หรือ 124,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 4.28 ล้านล้านบาท
ธนาคารกลางเยอรมนี เปิดเผยว่า เยอรมนีเป็นประเทศที่มีปริมาณทองคำเก็บสำรองใหญ่อันดับ 2 ของโลก เป็นรองเพียงประเทศสหรัฐอเมริกาเท่านั้น
สาเหตุมาจากรัฐบาลเยอรมนีต้องการที่จะตอบโต้รัฐบาลสหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของประธานาธิบดีนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ประกาศภาษีต่างตอบแทน หรือ Teciprocal Tariffs กลุ่มสหภาพยุโรป หรือกลุ่มอียูที่ถูกเก็บสูงถึง 20% ซึ่งประเทศเยอรมนีเป็นหนึ่งใน 27 ประเทศสมาชิกของกลุ่มอียู นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสในพรรคดังกล่าวของเยอรมนี ยังกล่าวว่า สหรัฐอเมริกาไม่ใช่พันธมิตรที่น่าเชื่อถือของกลุ่มอียูอีกต่อไป
ย้อนกลับไปในคืนผ่านมา ตลาดซื้อขายทองคำโลก นิวยอร์ก รายงานว่า วันที่ 4 เมษายน 2025 ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา พบว่า ราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Gold Spot ปิดที่ 3,024.20 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -82.79 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -2.9% ส่งผลราคาปิดร่วงลง 2 วันติดกันรวม -105.26 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -3.75% ขณะที่ราคาต่ำสุดระหว่างวันลงแตะระดับ 3,015.29 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ขณะที่เมื่อคืนผ่านมา 3 เมษายน มีราคาสูงสุดระหว่างเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ที่ระดับ 3,167.57 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ตั้งแต่ต้นปีนี้มาถึงวันที่ 27 มีนาคม 2025 ทองคำราคาส่งมอบทันที(Spot)ปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่เกิดขึ้น 20 ครั้ง และมีราคาทะยานขึ้นกว่า 16% นอกจากนี้ สิ้นสุดไตรมาสที่ 1 พบว่าราคาทองคำพุ่งดีที่สุดในรอบ 39 ปี หรือตั้งแต่ปี 1986 ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 30 มกราคมผ่านมา เป็นวันแรกที่ราคาทองคำปิดแตะหลัก 2,800 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ โดยครั้งสุดท้ายที่ราคาทองคำปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์อยู่ที่ระดับ 3,129.46 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 เมษายนผ่านมา