ประธานาธิบดียูเครน นายโวโลดีมีร์ เซเลนสกี เปิดเผยวีดิโอแถลงบนแอปพลิเคชั่นเทเลแกรม ว่า กองทัพรัสเซียยิงขีปนาวุธพิสัยไกลระดับรุนแรงจำนวน 2 ลูก เข้าโจมตีเมืองโพลทาวา ซึ่งตั้งอยู่ภาคกลางของประเทศยูเครน ส่งผลให้มีประชาชนชาวยูเครนเสียชีวิตกว่า 41 ศพ และบาดเจ็บมากกว่า 180 ราย นับเป็นการโจมตีครั้งนองเลือดแรงที่สุดใน 2 เดือน หรือนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่รัสเซียยิงขีปนาวุธโจมตีเมืองหลวง กรุงเคียฟของประเทศยูเครน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 41 ราย
เป้าหมายการโจมตีของรัสเซียในครั้งนี้ ปรากฏว่า ขีปนาวุธพิสัยไกลทั้ง 2 ลูกทำลายสถาบันการศึกษา และโรงพยาบาลที่ตั้งอยู่ใกล้กับใจกลางเมืองโพลทาวา (Poltava) ไม่เพียงมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากกว่า 41 ราย และบาดเจ็บมากกว่า 180 ราย แต่ยังมีประชาชนที่ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังของตึก และอาคารต่างๆในขณะที่บางส่วนได้รับการช่วยเหลือรอดชีวิตจากกองทัพยูเครน
นายโวโลดีมีร์ เซเลนสกี กล่าวว่า ยูเครนขอเรียกร้อง ไปยังประเทศมหาอำนาจซึ่งมีพลังและอำนาจในการหยุดยั้งวิกฤตการณ์นองเลือด ยูเครนมีความจำเป็นต้องการระบบป้องกันทางอากาศ และขีปนาวุธ ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้ไม่ควรที่จะเก็บไว้อยู่ในคลังแสงในที่แห่งใดแห่งหนึ่ง ขีปนาวุธพิสัยไกลสามารถที่จะปกป้องยูเครนจากการกระทำการนองเลือดของประเทศรัสเซียในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ถือว่าเป็นความโชคร้ายของยูเครน ความล่าช้าในการให้ความช่วยเหลือด้วยการจัดส่งยุทธโธปกรณ์ดังกล่าวหมายถึงการสูญเสียของประชาชนผู้บริสุทธิ์วันต่อวัน