อินเทล อินคอร์ปอเรชั่น ยักษ์ใหญ่ผลิตไมโครชิปชื่อดังระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา ที่มีอายุมา 56 ปี เปิดเผยว่า ปิดการซื้อขายตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก สหรัฐ ในวันศุกร์ที่ 2 สิงหาคม 2024 หรือคืนผ่านมาตามเวลาไทย พบว่า ราคาหุ้นของอินเทล อินคอร์ปอเรชั่น ถูกกระหน่ำเทขายทั้งคืนผ่านมา ส่งผลให้ราคาหุ้นอินเทลดำดิ่งรุนแรงถึง -27% มาเหลือเพียงหุ้นละ 21.22 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 764 บาท ทำสถิติราคาหุ้นที่ดำดิ่งเลวร้ายในรอบ 50 ปีของอินเทล หรือนับตั้งแต่แต่ปี 1974 เป็นต้นมา นอกจากนี้ ราคาปิดของหุ้นอินเทลยังทำสถิติต่ำสุดในรอบ 10 ปี หรือตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา ทำให้ขณะนี้มูลค่าบริษัทอินเทล อินคอร์ปอเรชั่น ทรุดต่ำกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือต่ำกว่า 3.6 ล้านล้านบาท
ราคาหุ้นของบริษัทอินเทลเคยสร้างสถิติดำดิ่งเลวร้ายเป็นประวัติศาสตร์เกิดขึ้นเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 1974 หรือเมื่อ 50 ปีผ่านมา ซึ่งในครั้งนั้น มีราคาดำดิ่งเลวร้ายถึง -31% ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากเข้าไปซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กผ่านมาได้เพียง 3 ปี
สาเหตุที่นัดลงทุนแห่ถล่มขายหุ้นของอินเทล อินคอร์ปอเรชั่น อย่างรุนแรงทั่งคืนผ่านมา เนื่องจากประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ในคืนผ่านมา พบว่าขาดทุนมากถึง 1,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 59,200 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากในช่วงเดียวกันเมื่อปีผ่านมา ที่มีกำไรสูงถึง 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 55,500 ล้านบาท ด้านรายได้รวมในไตรมาสที่ 2 ลดต่ำลง 1% เหลือเพียง 12,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 473,600 ล้านบาท จากเดิมที่ 12,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 477,300 ล้านบาท ขณะที่ราคาหุ้นอินเทลดำดิ่งลงมากกว่า -20% มาเหลือหุ้นละ 23.82 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 880 บาท นั่นหมายถึงมูลค่าบริษัทอินเทล อินคอร์ปอเรชั่น เสียหายมากถึง 24,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 888,000 ล้านบาท นับตั้งแต่ต้นปีนี้มาถึงคืนผ่านมา ราคาหุ้นอินเทลดำดิ่งแรงกว่า -42%
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า การเติบโตของอินเทลจะฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ รวมถึงยอดขายทั้งหมดในปีนี้ประเมินว่าจะเพิ่มขึ้น 3% หรือราว 55,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 2.06 ล้านล้านบาท หากเป็นไปตามนี้ จะเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีครึ่ง หรือตั้งแต่ปี 2021 ที่อินเทล อินคอร์ปอเรชั่น มีรายได้ประจำปีเพิ่มขึ้น ข้อมูลถึงวันที่ 29 มิถุนายนผ่านมา อินเทลมีเงินสดรวม 11,290 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 417,730 ล้านบาท ขณะที่มีหนี้สินรวม 32,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.18 ล้านล้านบาท
อินเทล อินคอร์ปอเรชั่น ยักษ์ใหญ่ผลิตไมโครชิปชื่อดังระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา ที่มีอายุมา 56 ปี เปิดเผยว่า เตรียมแผนการตัดลดค่าใช้จ่ายด้วยการปลดพนักงานครั้งใหญ่ที่สุดในปีนี้ โดยจะมีจำนวนพนักงานถูกปลดออก 17,475 คน หรือมากถึง 15% ของพนักงานในปัจจุบัน นอกจากนี้ ประกาศยกเลิกการจ่ายเงินปันผลในไตรมาสที่ 4 ปีนี้ด้วย ขณะที่เมื่อวานนี้ อินเทล อินคอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า มีแผนจะปลดพนักงานออกเป็นจำนวนหลายพันคนขึ้นไปภายในก่อนสุดสัปดาห์นี้
ข้อมูลเมื่อ 31 ธันวาคม 2023 อินเทลมีพนักงานอยู่ราว 124,800 คน ซึ่งรวมสายงานธุรกิจในเครือที่แยกออกไปดำเนินกิจการเอง อย่างไรก็ตาม หากไม่รับรวมสายงานธุรกิจที่แยกออกไปบริหารอย่างอิสระนั้น อินเทลมีพนักงานทั้งหมดถึงวันที่ 29 มิถุนายน 2024 จำนวน 116,500 คน นอกจากนี้ ยังมีการตัดลดค่าใช้จ่ายด้านอื่นด้วย เช่น ภายในปี 2025 ลดรายจ่ายจากการปฏิบัติงาน และลดงบประมาณการลงทุนรวมกันทั้งสิ้นคิดเป็น กว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 370,000 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ การปลดพนักงานรวมถึงการลดค่าใช้จ่ายด้านอื่นในครั้งนี้ จะทำให้อินเทลประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากถึง 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 370,000 ล้านบาทภายในปี 2025
นายแพท เกลซิงเกอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อินเทล อินคอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า บริษัทได้ทุ่มทุนด้านการใช้จ่ายจำนวนมากเพื่อการวิจัยและพัฒนาโดยมุ่งเป้าหมายไปที่การปรับปรุงเทคโนโลยีของอินเทล ที่สำคัญ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้อินเทลเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของโลก หลังจากบริษัทเอเอ็มดี เติบโตอย่างรวดเร็ว และมีผลกระทบต่อส่วนแบ่งตลาดไมโครชิปของอินเทล
ก่อนหน้านี้ อินเทลปลดพนักงานออกไปเป็นจำนวนมากกว่า 1,000 คน หรือคิดเป็น 5% ของพนักงานทั้งหมดในปี 2023 ทำให้เหลือพนักงานอยู่ประมาณ 124,800 คนในสิ้นปีผ่านมาหลังจากได้ประกาศเมื่อเดือนตุลาคมในปีที่แล้วว่าจะปลดพนักงานออกจำนวนหนึ่ง
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ต้นปี 2024 มาถึงวันที่ 2 สิงหาคม 2024 พบว่า บริษัทในอุตสาหกรรมและธุรกิจเทคโนโลยีในสหรัฐอเมริกามีจำนวน 384 แห่ง ได้ปลดพนักงานออกรวมกันทั้งสิ้น 124,517 คน หรือเปลี่ยปลดออกเดือนละ 17,788 คน ส่งผลให้ผ่านไป 7 เดือน จำนวนพนักงานในกลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าวตกงานคิดเป็น 41% ของจำนวนพนักงานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่ตกงานในทั้งปีผ่านมา ขณะที่ในปี 2023 มีจำนวนบริษัททั้งหมด 1,192 แห่ง ปลดพนักงานออกรวมกันทั้งสิ้น 264,180 คน หรือเปลี่ยปลดออกเดือนละ 22,015 คน