สห ลอว์สัน (Saha Lawson) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างกลุ่มบริษัทสหพัฒน์ และเครือข่ายร้านสะดวกซื้อลอว์สันจากประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่าได้เปิดบริการร้านลอว์สันประเภทแฟลกชิพ (Flagship) ในกรุงเทพเมื่อเดือนกันายน 2024 เป็นต้นมา พบว่าหลังจากได้สร้างความแตกต่างจากคู่แข่งด้วยการเพิ่มเมนูอาหารญี่ปุ่นที่ทำสดภายในร้าน ได้แก่ อุด้ง หมูทอดคัตสึราดข้าว รวมถึงเป็นสาขาแรกที่ขายไก่ทอดแอล ชิกิ และสินค้าอื่นๆ ทำให้ลูกค้าคนไทยชื่นชอบ และนิยมเข้ามาซื้อสินค้าภายในร้านลอว์สันมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ที่สำคัญจำนวนลูกค้าเข้ามาใช้บริการร้านลอว์สันแห่งนี้พุ่งขึ้น 3 เท่าเมื่อเทียบกับสาขาอื่นๆ รายได้ต่อใบเสร็จเพิ่มสูงขึ้น และมีกำไรเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
สื่อญี่ปุ่น รายงานว่าผู้บริโภคชาวไทยอายุ 25 ปีคนหนึ่ง กล่าวยอมรับว่าผมมาซื้อสินค้าญี่ปุ่นที่ร้านลอว์สันแห่งนี้ เพราะไม่มีขายในร้านเซเว่น-อีแลฟเว่นทั่วไป อาหารที่ซื้อคืออุด้ง และพาร์เฟต์มูสครีมโยเกิร์ต สอดรับกับผู้บริโภคชาวไทยอายุ 40 ปีอีกคนหนึ่ง กล่าวว่ามาซื้อของในร้านลอว์สัน เพราะมีเมนูและประเภทสินค้ามากมายที่ซื้อและทานได้ทันที
นอกจากนี้ ยังซื้อเครื่องสำอาง บะหมี่ถ้วย สแน็ค เหมือนกับร้านลอว์สันในญี่ปุ่น และจะพบว่าสินค้าในร้านลอว์สันในกรุงเทพมีจำหน่ายสินค้าญี่ปุ่นมากกว่า 4 เท่าเมื่อเทียบกับในร้านที่ญี่ปุ่น ข้าวปั้นโอนิกิริที่ทำด้วยมือ และสดใหม่ภายในร้านลอว์สันสาขาแฟลกชิปแห่งนี้ขายชิ้นละ 40 บาท ทั้งนี้ อาหารญี่ปุ่นที่วางขายในสาขานี้ร่วมผลิตกับบริษัทอื่นๆ ที่เป็นซัพพลายเออร์ของลอว์สันในไทย
คิมิฮิโกะ ชินากาวา กรรมการผู้จัดการ สห ลอว์สัน (Saha Lawson) เปิดเผยว่าความสำเร็จดังกล่าวจากร้ายลองสันสาขาแฟลกชิพนี้ ทำให้จะขยายและนำสินค้ารวมถึงเมนูอาหารชื่อดังอย่างไก่ทอดแอล ชิกิ ไปขายในสาขาอื่นๆ ของร้านลอว์สันในไทย แผนต่อไป คือการเปิดร้านสาขาที่ใกล้กับแหล่งท่องเที่ยว และคอนโดมิเนียมที่เป็นกลุ่มกำลังซื้อสูง ด้วยการใช้ความแตกต่าง คือเมนูอาหารญี่ปุ่นเป็นจุดขาย นอกจากนี้ เตรียมเปิดสาขาใหม่ที่ศรีราชาในเดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานญี่ปุ่นจำนวนมากมาย บริษัทยังเตรียมนำเทคโนโลยีเกี่ยวกับการตรวจสินค้าที่ซื้อออกจากร้านโดยลูกค้า และลายเซ็นดิจตอลมาใช้ภายในร้านสาขาเพื่อควบคุมและลดค่าใช้จ่าย พร้อมเพิ่มความสะดวกด้วย
ปัจจุบัน ร้านสะดวกซื้อลอว์สันมีกว่า 200 สาขาในไทยนับตั้งแต่เข้ามาร่วมทุนเปิดธุรกิจในไทยเมื่อ 11 ปีผ่านมา หรือตั้งแต่ปี 2013 อย่างไรก็ตาม ยังคงมีจำนวนสาขาที่ห่างกันมากกับคู่แข่งอันดับ 1 อย่างเซเว่น-อีแลฟเว่น ที่ใหญ่ที่สุดในธุรกิจร้านสะดวกซื้อในไทย บริษัทซีพี ออลล์ เจ้าของร้านเซเว่น-อีแลฟเว่นในไทย เปิดสาขาใหม่เฉลี่ยปีละ 700 แห่ง กระทั่งสิ้นสุดปี 2024 มีทั้งหมดกว่า 15,000 สาขาในไทย ส่งผลเป็นเจ้าตลาดอันดับ 1 ด้วยส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 70% ของตลาดทั้งหมด
นายบุญสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานบริษัทสหพัฒน์ กล่าวว่า ร้านเซเว่น-อีแลฟเว่น จะเปิดร้านใหม่ในทุกๆ ที่ ที่ร้านลอว์สัน หรือร้านสะดวกซื้อแบรนด์อื่นๆ เข้าไปเปิดสาขาในบริเวณนั้นก่อนแล้ว
ทั้งนี้ ยูโร มอนิเตอร์ เปิดเผยว่า ในปี 2023 ประเทศไทยมีร้านสะดวกซื้อ 260 แห่งต่อประชากรทุกๆ 1 ล้านคน สัดส่วนดังกล่าวเป็นเพียงครึ่งหนึ่งของญี่ปุ่นที่มี 496 แห่งต่อประชากรทุกๆ 1 ล้านคน อย่างไรก็ตาม สัดส่วนดังกล่าวในไทยมีมากที่สุดใน 6 ประเทศชั้นนำในอาเซียน
