นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) กล่าวว่าราคาทองคำในตลาดโลกได้ปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงต่อเนื่องจนราคาได้ถึงมาสูงกว่าเป้าหมายที่วายแอลจีให้ไว้คือ 2,350 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ ซึ่งวายแอลจีได้แนะนำนักลงทุนว่าหากราคาทองคำได้ปรับขึ้นมาถึงระดับ 2,350 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์แล้ว นักลงทุนต้องใช้ความระมัดระวังในการลงทุนเพราะระดับนี้อาจจะมีแรงเทขายทำกำไรระยะสั้นออกมา อย่างไรก็ดีแรงขายทำกำไรอาจทำให้ทองคำย่อตัวลงได้ระดับหนึ่งแต่เชื่อว่าในระยะสั้นจะยังไม่ปรับลดลงไปต่ำกว่า 2,300 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์
สำหรับทองคำในประเทศมองว่าหากค่าเงินบาทไม่ได้แกว่งตัวผันผวนมากนัก ราคาทองคำในประเทศก็จะยืนบริเวณ 40,000 บาทต่อบาททองคำ
การพักฐานของราคาทองคำรอบนี้มองว่าจะปรับตัวลดลงไม่มาก เนื่องจากปัจจัยสนับสนุนหลักยังคงแข็งแกร่ง ทั้งอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะเริ่มเข้าสู่ขาลงในปีนี้ โดยจะลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีนี้ 3 ครั้ง ครั้งละ 0.25% และลดลงต่อเนื่องในปีหน้า และปีถัดไป ทำให้นักลงทุนมองว่าทองคำจะได้รับปัจจัยบวกจากดอกเบี้ยที่ปรับตัวลดลง และจะกระทบให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลดลง และความต้องการทองคำจากธนาคารกลางประเทศต่างๆที่มีอย่างต่อเนื่อง จากกระแส De-Dollarization ธนาคารกลางทั่วโลกเดินหน้าถือครองทองคำเพิ่มอีก 39 ตันในเดือน ม.ค. นำโดยตุรกีและจีนเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ที่สุด ส่งผลให้ธนาคารกลางทั่วโลกซื้อสุทธิทองคำเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องมาจาก ปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่สนับสนุนความการทองคำด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ดี สำหรับคนที่ต้องการเข้าซื้อและมองว่าราคาทองคำจะหลุด 40,000 บาทต่อบาททองคำหรือไม่นั้น มองว่ามีโอกาสเกิดขึ้นได้หากสถานการณ์เกิดการเปลี่ยนแปลง หากความแข็งแกร่งของปัจจัยสนับสนุนลดลงก็อาจทำให้ราคาทองคำเริ่มพักฐาน แต่ประเมินว่าราคาทองคำจะยังไม่หลุด 2,270 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ หรือ 39,000 บาทต่อบาททองคำ อย่างไรก็ดี วายแอลจีมองว่าโอกาสที่จะได้เห็นราคาหลุด 40,000 บาทต่อบาททองคำ ในอนาคตอันใกล้นั้นก็ยังคงมีน้อยกว่า เนื่องจากเทรนด์ทองคำยังเป็นขาขึ้น