จากกรณี ห้างสรรพสินค้า “เซลฟริดเจส” (Selfridges) ในประเทศอังกฤษ ที่เครือเซ็นทรัล (ในนามบริษัท ห้างเซ็นทรัล ดีพาทเมนท์สโตร์ จำกัด) และกลุ่มซิกน่าโฮลดิ้ง (Signa Holding) จากประเทศออสเตรเลีย ร่วมทุนเข้าซื้อกิจการห้างสรรพสินค้าเซลฟริดเจส มูลค่ากว่า 180,000 ล้านบาท สัดส่วนลงทุนฝ่ายละ 50% ช่วงปลายปี 2564 ที่ผ่านมา ที่ล่าสุดกลุ่มซิกน่าประสบปัญหาล้มละลาย จนต้องยื่นขอเข้าแผนฟื้นฟูกิจการ ทำให้กลุ่มเซ็นทรัลมีความเสี่ยงอาจต้องใส่เงินลงทุนเพิ่ม หรือต้องหาพันธมิตรใหม่เข้ามาทดแทนกลุ่มซิกน่า
ส่งผลให้ราคาหุ้น บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC ณ เวลา 10:11 น. อยู่ที่ระดับ 38.75 บาท ลบ 0.75 บาท หรือ 1.90% สูงสุดที่ระดับ 39 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 38.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 69.35 ล้านบาท
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN อยู่ที่ระดับ 67.25 บาท ลบ 0.75 บาท หรือ 1.10% สูงสุดที่ระดับ 67.75 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 67 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 97.60 ล้านบาท
โดย Cambridge Properties Holding Limited ซึ่งเป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้า Selfridges และเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างกลุ่มเซ็นทรัลและกลุ่มซิกน่า กำลังร้องขอให้กลุ่มเซ็นทรัลเพิ่มเงินลงทุนใน Selfridges หลังจากกลุ่มซิกน่าประสบปัญหาทางการเงิน และยื่นล้มละลาย เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 2566 ที่ผ่านมา
สำหรับเม็ดเงินลงทุนซื้อกิจการห้างเซลฟริดเจสดังกล่าว กลุ่มเซ็นทรัลมีการใช้เงินกู้จากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL จำนวน 1,700 ล้านปอนด์ (ประมาณ 73,610 ล้านบาท) อัตราดอกเบี้ย 3.5% ต่อปี และ EFG Bank 120 ล้านปอนด์ (ประมาณ 5,200 ล้านบาท) อัตราดอกเบี้ย 2.85% ต่อปี เบื้องต้นพบว่ากลุ่มเซ็นทรัลมีกำหนดจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับ BBL จำนวน 2,500 ล้านบาท ช่วงเดือน ส.ค. 2567
ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง มองว่าประเด็นดังกล่าวเป็นเซนติเมนต์ (Sentiment) เชิงลบกดดันหุ้น CRC ที่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องการซื้อ Selfridges เพราะกลุ่มเซ็นทรัลเคยจะให้ CRC เข้าไปเป็นผู้ลงทุน Selfridges แต่เมื่อนำเรื่องเข้าบอร์ด CRC กลับไม่ผ่านการอนุมัติ
โดย CRC เป็นธุรกิจกลุ่มเซ็นทรัล ที่มีการขยายการลงทุนธุรกิจค้าปลีกในต่างประเทศ และห้างสรรพสินค้าหรูในอิตาลี แตกต่างจาก CPN ที่เน้นการพัฒนาศูนย์การค้าและพื้นที่เช่าในประเทศมากกว่า ทำให้ประเด็นของ Selfridges มีน้ำหนักในด้าน Sentiment กดดันหุ้น CRC มากกว่า แต่ยังต้องติดตามว่ากลุ่มเซ็นทรัลจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างไร