ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ชี้บาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 4 เดือนในระหว่างสัปดาห์ที่ผ่านมา สัปดาห์นี้ลุ้นไปให้ถึง 33 บาทต่อดอลลาร์ 

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย  ระบุว่า เงินบาทอ่อนค่าลงในช่วงต้น-กลางสัปดาห์ตามตามทิศทางการอ่อนค่าของเงินเยน หลังตลาดคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) อาจยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมปลายเดือนต.ค. นี้ หากพรรค LDP สามารถบรรลุข้อตกลงกับพรรค Innovation Party และเปิดทางให้นาง Sanae Takaichi ก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

นอกจากนี้ เงินบาทยังขาดปัจจัยหนุนในช่วงที่ตลาดรอประเมินผลจากการหารือระหว่าง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เกี่ยวกับผลกระทบจากทิศทางค่าเงินบาทด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ เงินบาทอ่อนค่าทดสอบระดับ 32.90 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 4 เดือน ท่ามกลางแรงกดดันจากแรงขายทำกำไรในตลาดทองคำโลก หลังราคาทองคำปรับตัวขึ้นแรงในช่วงก่อนหน้า อย่างไรก็ดี เงินบาทฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนในช่วงท้ายสัปดาห์ สอดคล้องกับกระแสเงินทุนต่างชาติที่กลับมาซื้อสุทธิทั้งในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทย

โดยในวันศุกร์ที่ 24 ต.ค. 2568 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 32.77 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 32.66 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (17 ต.ค.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 20-24 ต.ค. 2568 นั้น นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 7,777 ล้านบาท และมีสถานะอยู่ในฝั่ง Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตรไทย 6,584 ล้านบาท (ซื้อสุทธิพันธบัตร 10,589 ล้านบาท หักตราสารหนี้หมดอายุ 4,005 ล้านบาท)

ส่วนในสัปดาห์นี้ 27-31 ต.ค. 2568 ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 32.40-33.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขการส่งออกและเครื่องชี้เศรษฐกิจเดือนก.ย. ของไทย ผลการประชุมเฟด (28-29 ต.ค.) สถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลก และทิศทางฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่น ๆ ที่ต้องติดตาม ประกอบด้วย สถานการณ์การชัตดาวน์ของสหรัฐฯ ประเด็นการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ผลการประชุม BOJ (29-30 ต.ค.) และการประชุม ECB (30 ต.ค.) รวมถึงตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2568 ของยูโรโซน และข้อมูล PMI เดือนต.ค. รายงานโดยทางการจีน 

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles