นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า หลังจากราคาดีเซลมีการทยอยปรับขึ้น เนื่องจากกระทรวงการคลังไม่ต่ออายุมาตรการภาษีสรรพสามิตดีเซล 1 บาท/ลิตรและส่งผลให้ดีเซลมีการขยับราคาราว 1 บาท/ลิตรมาอยู่ที่ 30.94 บาท/ลิตรจากที่ตรึงราคาไว้ 30 บาท/ลิตรนั้น ยอมรับว่าหากยังคงมีการทยอยขึ้นต่อเนื่องจะส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตซึ่งแต่ละอุตสาหกรรมมีต้นทุนที่ต่างกันทั้งกระทบทางตรงและทางอ้อมผ่านค่าขนส่งซึ่งหากอุตสาหกรรรมใดไม่สามารถแบกรับภาระได้ในที่สุดก็ต้องผลักภาระไปยังผู้บริโภคในการปรับขึ้นราคาสินค้า
โดยขณะนี้ภาคการผลิตเองมีทั้งต้นทุนค่าไฟที่สูงและมีเรื่องของดีเซลเข้ามาแต่ละอุตสาหกรรมก็จะมีผลกระทบต่างกันไป แต่ปัจจุบันผู้ประกอบการส่วนใหญ่และวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (SMEs) เองแม้มีต้นทุนที่สูงขึ้นก็พยายามที่จะต้องตรึงราคาเนื่องจากสินค้าราคาต่ำจากจีนยังคงเข้ามาแข่งขันทำให้ผู้ประกอบการบางส่วนต้องทนแบกรับภาระไปก่อน แต่ที่สุดไม่ไหวก็อาจต้องขยับราคาหรือเลิกกิจการก็เป็นไปได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อดูทิศทางภูมิรัฐศาสตร์โลกแล้วก็คงต้องติดตามใกล้ชิด เพราะเดิมการสู้รบระหว่างอิสราเอล-อิหร่านดูเหมือนจะขยายไปสู่สงครามในภูมิภาคตะวันออกกลางแต่ที่สุดกลับมีความระมัดระวังกันมากขึ้นเนื่องจากผู้นำสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปไม่ต้องการให้เกิดการบานปลายเพราะเกรงว่าจะกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและราคาน้ำมันจะสูงเกิดผลกระทบซึ่งจะทำให้เงินเฟ้อของสหรัฐฯ และยุโรปเพิ่มสูงซึ่งจะเป็นการซ้ำเติมเศรษฐกิจ ดังนั้นราคาน้ำมันอาจจะไม่ได้ปรับรุนแรงมากนักแต่ทั้งนี้ก็ต้องติดตามใกล้ชิด
ส่วนสภถานการณ์ ค่าเงินบาทของไทยที่อ่อนค่าเกิดจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็ง ยอมรับว่าเงินบาทของไทยก็อ่อนค่าตามภูมิภาคหากเทียบกับเงินเยนของญี่ปุ่นแล้วอ่อนค่าอย่างมาก ซึ่งบาทอ่อนค่าก็จะมีผลดีและผลเสีย กล่าวคือ ผลดีจะทำให้การส่งออกมีมูลค่าเงินบาทเพิ่มขึ้น แต่การนำเข้าสินค้าทุน เครื่องจักร วัตถุดิบ ก็จะสูงตาม รวมไปถึงการนำเข้าน้ำมันดิบที่จะสูงขึ้นส่งผลต่อราคาขายปลีกให้เพิ่มเช่นกัน