นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศเดือน พ.ค.67 มีจำนวน 49,871 คัน เพิ่มขึ้น 6.70% จากเดือน เม.ย.67 แต่ลดลง 23.38% จากเดือน พ.ค.66 เป็นเพราะสถาบันการเงินเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อจากหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง รวมทั้งเศรษฐกิจในประเทศขยายตัวในอัตราต่ำ ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลงติดต่อกันมากกว่า 10 เดือน โรงงานหลายแห่งลดเวลาทำงานลงและมีการเลิกจ้างพนักงานหลายหมื่นคน ทำให้ขาดรายได้ ประชาชนระมัดระวังการใช้จ่าย หลายฝ่ายคาดว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังปีนี้จากการใช้จ่ายงบฯ ภาครัฐปี 2567 และปี 2568 แต่เศรษฐกิจจะขยายตัวถึง 3% หรือไม่ ยังน่ากังวล
ซึ่งมองว่าหากยอดผลิตรถยนต์และขายรถยนต์ และขายอสังหาริมทรัพย์ยังติดลบ น่ากังวล เพราะทั้งสองอุตสาหกรรมมีอุตฯ ต่อเนื่องและแรงงานมาก จะส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศมากช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้มียอดขายรวม 260,365 คัน ลดลง 23.80% จำนวนรถส่งออกลดลง 2.28% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สถานการณ์ตอนนี้ น้อง ๆ ต้มยำกุ้งเมื่อปี 39 คิดว่าต้องปรับเป้ายอดขายรถยนต์แน่ๆ โดยเฉพาะยอดขายในประเทศ มูลค่าส่งออกปีนี้ยังไม่รู้ว่าจะถึง 1 ล้านล้านบาทหรือไม่
สำหรับยอดผลิตรถยนต์ในเดือน พ.ค.67 มีจำนวน 126,161 คัน ลดลง 16.19% จากเดือน พ.ค.66 การผลิตรถกระบะขายในประเทศลดลง 54.66% และผลิตรถยนต์นั่งขายในประเทศลดลง 14.35% แต่เพิ่มขึ้น 20.54% จากเดือน เม.ย.67 ขณะที่ช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้มีจำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ทั้งสิ้น 644,951 คัน ลดลง 16.88% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเดือน พ.ค.67 อยู่ที่ 89,284 คัน เพิ่มขึ้น 3.39% จากเดือน พ.ค.66 โดยมีมูลค่าส่งออก 83,754.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.93% จากเดือน พ.ค.66 และการส่งออกในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-พ.ค.67) อยู่ที่ 429,969 คัน ลดลง 2.28% โดยมีมูลค่าการส่งออกรถยนต์รวม 401,637.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.23% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ด้านยอดจดทะเบียนยานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV)ในเดือน พ.ค. มีจำนวน 8,166 คัน เพิ่มขึ้น 14.50% จากเดือน พ.ค.66 และช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้มียอดจดทะเบียนสะสมรวม 43,921 คัน เพิ่มขึ้น 31.64% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน นับถึงวันที่ 31 พ.ค.67 มียอดจดทะเบียนทั้งสิ้น 175,316 คัน เพิ่มขึ้น 168.34% จากปีก่อน ยอดจดทะเบียนใหม่ของยานยนต์ประเภทไฟฟ้า (HEV) มีจำนวน 10,789 คัน เพิ่มขึ้น 34.64% จากเดือน พ.ค.66 และช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้มียอดจดทะเบียนสะสมรวม 59,317 คัน เพิ่มขึ้น 53.48% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน นับถึงวันที่ 31 พ.ค.67 มียอดจดทะเบียนทั้งสิ้น 402,414 คัน เพิ่มขึ้น 35.06% จากปีก่อน ยอดจดทะเบียนใหม่ของยานยนต์ประเภทไฟฟ้า (PHEV) มีจำนวน 704 คัน ลดลง 31.32 จากเดือน พ.ค.66 และช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้มียอดจดทะเบียนสะสมรวม 4,053 คัน ลดลง 22.01% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน นับถึงวันที่ 31 พ.ค.67 มียอดจดทะเบียนทั้งสิ้น 57,879 คัน เพิ่มขึ้น 21.89% จากปีก่อน
ทั้งนี้ ยอดขายรถไฟฟ้าส่วนใหญ่เป็นรถที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ส่วนที่ผลิตในประเทศคงทยอยเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ หากโรงงานอีวีในไทยสายมารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้าออกมาได้เพิ่มขึ้น จะทำให้ยอดการจอดทะเบียนถยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงเพิ่มขึ้นตามไปด้วย แต่ช่วงนี้ยอมรับกังวลที่ค่ายรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน ประกาศลดราคารถยนต์ไฟฟ้าบางรุ่นมากถึง 160,000 บาท จะส่งผลต่อภาพรวม ทำให้ผู้บริโภคชะลอการซื้อ เพราะหวังว่าค่ายรถยนต์จะมีการลดราคาลงมาอีก และก่อให้เกิดการแข่งกันลดราคาของค่ายรถยนต์ด้วยกันเอง ในขณะที่การปิดประกาศปิดโรงงานผลิตรถยนต์ของค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นบางรายนั้นนับว่า เป็นการหยุดการผลิตในบางรุ่น เพื่อรับกับการเปลี่ยนแปลง ที่ไม่คุ้มค่ากับผลิตในประเทศไทยเพราะมีจำนวนน้อย ส่วนอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง อยู่ในช่วงของการปรับตัวอาจหันไปผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อรองรับการเข้ามาผลิตในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าววานนี้ว่า รัฐบาลกำลังผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างรถสันดาป วันนี้ต้องสนับสนุนเครื่องยนต์สันดาปในช่วง 2-3 ปี และถ้าจะให้การใช้รถยนต์ไฟฟ้าเกิดขึ้นจะต้องชวนผู้ผลิตเข้ามาลงทุน แต่หากเข้ามาในขณะที่ economy of scale ยังไม่ถึง แน่นอนจะต้องสนับสนุนเรื่องภาษี วันนี้ต้นทุนการผลิตถูกลงมาก โดยเฉพาะต้นทุนการผลิตแบตเตอรี่ถูกลงกว่าครึ่ง นั่นแปลว่าโอกาสที่จะช่วยสนับสนุนการนำเข้าก็คงจะไม่นาน