นายนาวา จันทนสุรคน รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ยอมรับเป็นห่วงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำจะส่งผลให้ผู้ประกอบการทยอยปิดกิจการเพิ่มมากขึ้น โดยมีแนวโน้มรุนแรงเพิ่มมากขึ้นกว่าช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากปัญหาสงครามทางการค้าที่ทางสหรัฐและสหภาพยุโรปตอบโต้กับจีน ขณะที่กำลังการผลิตยังมีเท่าเดิมทำให้มีสินค้าราคาถูกทะลักเข้ามาในภูมิภาคอาเซียนจนอุตสาหกรรมในประเทศต้องลดกำลังการผลิตเพราะมีต้นทุนสูงกว่า ที่ผ่านมาส.อ.ท. ได้เร่งปรับโครงสร้างให้กับผู้ประกอบการทั้ง 46 กลุ่มอุตสาหกรรม ด้วยการดูแลการผลิตให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า
ทั้งนี้ หากย้อนไปดูสถิติการปิดกิจการเมื่อปี 64 อยู่ที่ 678 แห่ง พอมาถึงปี 65 เพิ่มเป็น 997 แห่ง และปี 66 ขยับเป็น 1,337 แห่ง เพิ่มขึ้นจากปี 65 กว่า 60% ทำให้คนตกงานเฉลี่ยเดือนละ 111 คน ขณะที่ช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค. – พ.ค. 67) อยู่ที่ 561 แห่ง ทำให้คนตกงาน 15,042 คน หรือเฉลี่ยเดือนละ 113 คน
สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่ใช้กำลังการผลิตต่ำ ได้แก่ กลุ่มสิ่งทอ 38%, กลุ่มเภสัชภัณฑ์ 40%, กลุ่มเหล็กแปรรูป 28, กลุ่มเฟอร์นิเจอร์ 35% ส่วนอุตสาหกรรมที่ปิดกิจการมากสุดในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ ได้แก่ กลุ่มพลาสติก 12 ราย, กลุ่มโลหะ 11 ราย, กลุ่มแปรรูปไม้ 8 ราย
ขณะที่การจัดทำงบประมาณปี 68 มองว่ากรอบการใช้งบประมาณนั้นน่าจะเป็นไปตามที่สำนักงบประมาณดูแล เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนที่ส่งผ่านมาทางพรรคการเมือง คงไม่ได้เป็นการไปรื้อโครงสร้างเดิมเพื่อจัดทำใหม่ทั้งหมด แต่เป็นเรื่องดีที่มีการจัดทำงบประมาณให้รวดเร็วทันกรอบเวลา เนื่องจากการใช้จ่ายภาครัฐจะมีสัดส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม อยากฝากให้รัฐบาลดูแลการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าที่ผลิตในประเทศไทย (เมดอินไทยแลนด์) โดยเฉพาะโครงการลงทุน PPP ที่มีมูลค่าหลายแสนล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะช่วยเหลือผู้ประกอบการในประเทศได้