สถาบันการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change Institute: CCI) ภายใต้สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) จัดงานสัมมนาวิชาการประจำปี “Climate Change Forum 2025: Driving towards Net Zero” ขึ้นเป็นครั้งแรก ณ อาคารเอ็ม ทาวเวอร์ ถนนสุขุมวิท กรุงเทพฯ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ แนวทางปฏิบัติ และนวัตกรรมด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้กับผู้ประกอบการ หน่วยงานภาครัฐ ภาควิชาการ และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง
งานนี้ได้รับเกียรติจากนายปวิช เกศวงศ์ รองอธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายธีรทัศน์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมพิธีเปิดงาน
นายปวิช เกศวงศ์ รองอธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “นโยบายสู่ความยั่งยืนและคาร์บอนเป็นศูนย์” โดยกล่าวถึงสถานการณ์โลกร้อนและภัยพิบัติที่รุนแรงขึ้นทั่วโลกและในไทย พร้อมชี้ว่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากมนุษย์เป็นสาเหตุหลักที่ทุกประเทศต้องเร่งแก้ไข โดยประเทศไทยยึดมั่นตามความตกลงปารีสและเดินหน้าสู่เป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) อย่างจริงจัง รัฐบาลไทยได้จัดทำเป้าหมาย NDC 3.0 และยุทธศาสตร์ LT-LEDS เพื่อบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593 และ Net Zero ภายในปี 2608 รวมถึงผลักดัน (ร่าง) พ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และกองทุนภูมิอากาศเพื่อสนับสนุนการลงทุนและนวัตกรรมสีเขียว โดยการบรรลุเป้าหมาย Net Zero ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนทั้งรัฐ เอกชน วิชาการ และประชาชน เพื่อสร้างการพัฒนาที่ยั่งยืน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และเปลี่ยนความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมให้เป็นโอกาสใหม่ทางเศรษฐกิจของประเทศ
ด้านนายธีรทัศน์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ได้กล่าวปาฐกถาในห้วข้อ “นโยบายการพัฒนาอุตสาหกรรมสู่ความยั่งยืน” โดยกล่าวว่าภาคอุตสาหกรรมไทยต้องเผชิญแรงกดดันจากมาตรการสิ่งแวดล้อมสากล เช่น มาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนเข้าพรมแดน (Carbon Border Adjustment Mechanism – CBAM) และกฎหมายว่าด้วยสินค้าที่ปลอดจากการตัดไม้ทำลายป่า (EU Regulation on Deforestation-free products – EUDR) จึงจำเป็นต้องเร่งปรับตัวสู่การผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรมจึงเดินหน้านโยบาย Green Industry และ BCG Economy เพื่อลดผลกระทบและสร้างความยั่งยืน
กรมโรงงานอุตสาหกรรมตั้งเป้าลดก๊าซเรือนกระจก 5.4 ล้านตันภายในปี 2573 ผ่านมาตรการหลัก ได้แก่ การลดการใช้ปูนเม็ดในซีเมนต์ การเปลี่ยนสารทำความเย็น และการจัดการน้ำเสีย พร้อมโครงการความร่วมมือระหว่างประเทศในการเลิกใช้สารทำลายชั้นบรรยากาศโอโซนและสารก่อโลกร้อน
ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมย้ำความมุ่งมั่นในการพัฒนาอุตสาหกรรมไทยสู่ Green Industry เชื่อมโยงสู่เศรษฐกิจโลก และมุ่งสู่เป้าหมายคาร์บอนต่ำและ Net Zero อย่างมั่นคงในอนาคต
นายกิตติพงศ์ ลิ่มสุวรรณโรจน์ กรรมการบริหารและประธาน Climate Change Pillar สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่าการก่อตั้ง CCI มีเป้าหมายเพื่อเป็นศูนย์กลางความรู้และความร่วมมือด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของภาคอุตสาหกรรมไทย ทั้งในมิติการเชื่อมโยงเชิงนโยบาย เทคโนโลยี และการสร้างขีดความสามารถให้ผู้ประกอบการปรับตัวสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำได้จริง การจัดงาน Climate Change Forum 2025 ครั้งนี้ถือเป็นเวทีแรกที่สะท้อนบทบาทดังกล่าว พร้อมทั้งตอกย้ำว่า แม้ภาคอุตสาหกรรมไทยกำลังเผชิญความเสี่ยงจากมาตรการสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศ อาทิ มาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนเข้าพรมแดน (Carbon Border Adjustment Mechanism – CBAM) ของสหภาพยุโรป ที่อาจกระทบการส่งออกสูงถึง 3 แสนล้านบาทต่อปี แต่หากมองในเชิงโอกาส ธุรกิจสีเขียวสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าได้ 10–20% และเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน
หนึ่งในไฮไลต์สำคัญของงานคือ พิธีมอบรางวัล Climate Change Award เพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติองค์กรที่มีความโดดเด่นในการดำเนินงานด้าน Climate Action รวมทั้งสิ้น 64 รางวัล แบ่งเป็น 5 ประเภท ได้แก่
• Climate Action Excellence จำนวน 22 รางวัล
• Climate Action Leader จำนวน 22 รางวัล
• Climate Action Initiator จำนวน 12 รางวัล
• Outstanding Contribution จำนวน 1 รางวัล
• Certificate of Climate Commitment จำนวน 7 รางวัล
ผู้ได้รับรางวัลเหล่านี้ถือเป็นแบบอย่างที่ดีในการนำองค์กรไปสู่ความยั่งยืน และสะท้อนถึงความมุ่งมั่นร่วมกันของภาคอุตสาหกรรมไทยในการขับเคลื่อนสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero)
นอกจากนี้ ยังมีเวทีเสวนาคู่ขนาน 2 หัวข้อ ได้แก่ “Finance & Partnership for Green Transition” ว่าด้วยการเงินสีเขียวและการสร้างพันธมิตรเพื่อการเปลี่ยนผ่าน และ “Net Zero Mission: Inspiration through Innovation towards Implementation” ที่นำเสนอนวัตกรรมและโซลูชันสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ร่วมแลกเปลี่ยน นอกจากนี้ ยังมี Climate Change Clinic พื้นที่ให้คำปรึกษาเฉพาะทางโดยผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันต่างๆ ภายใต้กลุ่มงานนวัตกรรม และการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน และหน่วยงานอื่นๆ ในสังกัด ส.อ.ท. เพื่อช่วยผู้ประกอบการนำความรู้ไปปรับใช้ได้จริง
การจัดงาน CCI Forum 2025 ครั้งนี้จึงเป็นก้าวแรกที่สะท้อนบทบาทของ CCI ในการเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงองค์ความรู้ เทคโนโลยี และแนวทางเชิงนโยบายเพื่อสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมไทยสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและเป้าหมาย Net Zero ซึ่ง ส.อ.ท. มีความตั้งใจที่จะพัฒนางานนี้ให้เป็นเวทีประจำต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างพลังขับเคลื่อนและบทบาทนำของส.อ.ท. ในการยกระดับศักยภาพการแข่งขันและการเติบโตอย่างยั่งยืนของประเทศ