นายรวิศ หาญอุตสาหะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ จํากัด กล่าวว่า “บริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ จำกัด ในช่วงปี 2021-2024 แม้จะเผชิญความท้าทายทางเศรษฐกิจที่ต่อเนื่องจากโควิด-19 แต่บริษัทสามารถปรับตัวรับความท้าทายและพลิกเป็นโอกาสในการสร้างการเติบโต จนได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคทำให้บริษัทสามารถมียอดขายรวมกว่า 1,000 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 2023 และเติบโตต่อเนื่องแบบ Double Digit ตั้งแต่ปี 2021-2024 โดยเฉพาะเมื่อดูจากอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสม (CAGR)ของทั้งสองแบรนด์หลักอย่างศรีจันทร์ และ ศศิ ซึ่งอยู่ที่ระดับสูงถึง 51% และ 53% ต่อปีตามลำดับ ตั้งแต่ปี 2021–2024 สะท้อนการเติบโตของบริษัทที่มาจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภค”
สรุป 4 ความสำเร็จของบริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ จำกัด ในปี 2021-2025
-ความแข็งแกร่งของศรีจันทร์ที่ไม่ได้มีดีแค่ “แป้ง” แต่แข็งแกร่งในทุกประเภทผลิตภัณฑ์
-การเติบโตรายประเภทผลิตภัณฑ์ ได้แก่ เมคอัพ (11%) สกินแคร์ (148%) ครีมกันแดด (73%)
-หมวดเมคอัพ สินค้าที่ขายดีที่สุดคือ แป้งฝุ่นโปร่งแสง Bare to Perfect Translucent Powder (10 g) เป็นผลิตภัณฑ์ที่มียอดขายเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มแป้งฝุ่น (Loose Powder) ในประเทศไทย ตั้งแต่เดือนมกราคม 2566ถึงเมษายน 2568 อ้างอิงจากข้อมูล NielsenIQ ประเทศไทย
-ศรีจันทร์เข้าสู่ตลาดสกินแคร์ตั้งแต่ปี 2021 และในปี 2024 บริษัทสามารถมีการเติบโตถึง 117% ในหมวดสกินแคร์เมื่อเทียบกับปี 2023 และตั้งเป้าที่จะเพิ่มยอดขาย 45% ในปี 2025
-หมวดสกินแคร์ สินค้าที่ขายดีที่สุดคือ SRICHAND Skin Moisture Burst Gel Cream Sachet (10 ml)เป็นผลิตภัณฑ์ที่มียอดขายเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มมอยส์เจอไรเซอร์สำหรับผิวหน้า (Moisturizer for Face)ในประเทศไทย ตั้งแต่เดือนมกราคม 2567 ถึงเมษายน 2568 อ้างอิงจากข้อมูล NielsenIQ ประเทศไทย
– ศรีจันทร์เป็นแบรนด์ไทยอันดับ 1 ในกลุ่มผลิตภัณฑ์มอยส์เจอไรเซอร์สำหรับผิวหน้า (Moisturizer for Face)ในประเทศไทย ระหว่างเดือนมกราคม 2567 ถึงเมษายน 2568 โดยมีอัตราการเติบโต 79% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดที่เติบโต 3.44% อ้างอิงจากรายงาน NielsenIQ ประเทศไทย ปี 2025
-การออกแบรนด์ “ศศิ” ที่จับกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่
-ก่อตั้งในปี 2017 เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภครุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าและแฟชั่น และ เป็นตัวแทนความฝันและความหวังของคนรุ่นใหม่
– Positioning ของแบรนด์ ศศิ คือ “The most value for money yet trendy beauty & lifestyle brand”แบรนด์ความงามและไลฟ์สไตล์ที่คุ้มค่าและทันสมัย
-หัวใจสำคัญของ ศศิ คือการออกแบบสินค้าโดยเข้าใจความต้องการของวัยรุ่นเช่น Kiss & Blush Multifunction Cosmetics ตอบโจทย์ความสะดวกสบาย ชิ้นเดียวใช้ได้ทั้งตา แก้ม ปาก และ Acne Sol Collection ตอบโจทย์กลุ่มวัยรุ่นในการแก้ไขปัญหาเรื่องสิว รวมไปถึงการใช้สีที่โดดเด่นในกลุ่มเมคอัพ
-ศศิ มีการเติบโต CAGR มากกว่า 50% ต่อปี ตั้งแต่ปี 2021-2024
ยอดขายรวมของบริษัท ศรีจันทร์ สหโอสถ จำกัด มีการเติบโตระดับ Double Digit ทุกปี และแตะระดับ 1,000 ล้านบาทได้สำเร็จ
– ยอดขายปี 2021 คือ 520 ล้านบาท
– ยอดขายปี 2022 คือ 717 ล้านบาท (+42.02%)
– ยอดขายปี 2023 คือ 1,019 ล้านบาท (+41.92%)
– ยอดขายปี 2024 คือ 1,600 ล้านบาท (58.98%)
– ตั้งเป้ายอดขายปี 2025 มากกว่า +30% – 40%
– รายได้รวมมาจากช่องทางการจำหน่ายแบบออฟไลน์ 90% และออนไลน์ 10%
ทั้งนี้ ศรีจันทร์มีการขยายสู่ตลาดลาว โดยมีการเติบโตเฉลี่ยต่อปี ตั้งแต่ 2021-2024 อยู่ที่ 112.5% ต่อปี สินค้าที่ได้รับความนิยมอยู่ในหมวดสกินแคร์ เช่น Moisture Burst Series, Sunscreen แป้งฝุ่นและรองพื้น สร้างการรับรู้แบรนด์ผ่านการสนับสนุนกิจกรรมระดับประเทศ เช่น สนับสนุนการประกวด Miss Universe Laos ในปี 2022-2024 การจัดงานและสนับสนุน Laos Fashion Week 2024 ฯลฯ และมีการใช้ Local Brand Presenter คือ “Nethdao” อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังของลาว
นอกจากนั้น ยังมีสัญญาณตลาดที่ดีในตลาดญี่ปุ่นอีกด้วย ปัจจุบัน ศรีจันทร์มีการวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์กลุ่มแป้งในตลาดญี่ปุ่นผ่านช่องทางออฟไลน์มากกว่า 2,000 ร้านค้าทั่วประเทศ นอกจากนั้น ด้วยดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ของศรีจันทร์ทำให้ BANDAI บริษัทผลิตของเล่นจากประเทศญี่ปุ่นขอซื้อลิขสิทธิ์ของตัวแป้ง เพื่อนำไปทำเป็นกาชาปอง โดยเลือกจากแป้งที่จำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นทั้ง 6 แบบ
โดยเบื้องหลังความสำเร็จที่เกิดขึ้นตลอดปี 2021 – 2025 มาจากการที่ศรีจันทร์เป็น Purposeful Brand ที่มีเป้าหมายต้องการจะเป็นแบรนด์ไทยระดับสากลที่เป็นความภูมิใจของคนไทยจากการใส่ใจผู้บริโภค เป้าหมายดังกล่าวจึงเชื่อมโยงไปสู่ 4 กลยุทธ์คือ1. รักษาเอกลักษณ์ Modern Classic Thainess ของแบรนด์ไว้ด้วยความภูมิใจ 2. การคัดเลือกพรีเซ็นเตอร์ที่เป็นตัวแทนความเป็นไทยร่วมสมัย 3. พัฒนาคุณภาพสินค้า ให้มีมาตรฐานเทียบเคียงระดับสากลผ่านการลงทุนด้านคุณภาพ และ R&D 4. สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดึงดูดคนที่เชื่อแบบเดียวกันได้
ศักยภาพของ T-beauty สะท้อนจากความนิยมแบรนด์ไทย เช่น
– ความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ความงามแบรนด์ไทยมีมากขึ้นในหมู่ผู้บริโภคไทย สะท้อนจากการเติบโตของตลาดผลิตภัณฑ์ความงามของไทยที่มีการเติบโตต่อเนื่อง เช่นเดียวกับการเติบโตของศรีจันทร์ที่
– ในประเทศญี่ปุ่น มีเทรนด์ “สุวาอิ เมคุ” ซึ่งหมายถึงการแต่งหน้าแบบไทย ผิวใช้รองพื้นแบบกึ่งแมตต์ ปัดขนคิ้ว ให้ตั้งขึ้นเล็กน้อย โชว์ขนคิ้วที่เรียงตัวเป็นธรรมชาติ ตาใช้อายแชโดว์โทนธรรมชาติ กรีดอายไลน์เนอร์และปัดขนตาล่างให้ยาว ปากใช้ลิปสติกเนื้อเซมิแมตต์ และปัดแก้มเป็นวงรี โดยใช้สีที่ดูสุขภาพดี
– Made in Thailand คือคุณภาพที่เป็นที่ยอมรับในวงกว้าง โดยเฉพาะจากมุมมองของตลาดในอาเซียน หรือ เอเชีย ที่มองว่าสินค้าแบรนด์ไทย มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน อีกทั้งมีราคาเข้าถึงได้
เมื่อ T-Beauty แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในระดับโลก ศรีจันทร์จึงต่อยอดความสำเร็จนี้ให้กลายเป็นโอกาสทางธุรกิจด้วยการขยายสู่ตลาดต่างประเทศ เพื่อก้าวสู่การเป็นแบรนด์ระดับภูมิภาค โดยเป้าหมายหลักคือ ตลาดอาเซียน และตลาดเอเชียโดยกลยุทธ์ในการเข้าถึงตลาดต่างประเทศ คือ เน้นในการหาคู่ค้าทางธุรกิจเพื่อเป็น Distributor ในแต่ละตลาด โดยจะมุ่งเน้นไปยัง บริษัทท้องถิ่นที่มีศักยภาพในการขายและทำการตลาดทั้ง Offline และ Online นอกเหนือจากการสร้างยอดขายและการขยาย distribution แล้ว ยังคงให้ความสำคัญในการสร้างแบรนด์และการรับรู้ เพื่อให้เป็นที่ยอมรับ และนิยมในภูมิภาคเอเชีย โดยตั้งเป้าหมายอัตราการเติบโตในตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้นจนมีสัดส่วนเป็น 10-15% ภายในเวลา 3 ปี
จากศักยภาพของบริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ จำกัด ที่มีรากฐานที่แข็งแรง บวกกับการยอมรับ T-beauty ในระดับสากล ที่เพิ่มมากขึ้น และถือเป็น Soft power ที่สำคัญของประเทศไทย นี่จึงเป็นรุ่งอรุณแห่งการเปลี่ยนแปลงของ T-Beauty และศรีจันทร์จะใช้โอกาสนี้ในการต่อยอดธุรกิจในตลาดต่างประเทศให้มากขึ้น เพื่อนำความเป็นไทยแบบ Modern Classic Thainess ไปสู่ต่างประเทศผ่านผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพของศรีจันทร์ ซึ่งสุดท้ายจะกลับมาตอบเป้าหมายการเป็น Purposeful brand ที่อยากจะเป็นแบรนด์ไทยระดับสากลที่เป็นความภูมิใจของคนไทย