นายแอนดี้ ลิโพว กรรมการผู้จัดการ ลิโพว ออยล์ แอสโซสิเอท เปิดเผยว่า การโจมตีใดๆ ก็ตามที่สร้างความเสียหายให้กับการผลิตน้ำมันดิบ หรือโครงสร้างพื้นฐานการส่งออกน้ำมันดิบในประเทศอิหร่าน จะมีผลกดดันให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงขึ้นถึงบาร์เรลละ 100 ดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ หากความขัดแย้งรุนแรงลุกลามถึงขั้นปิดช่องแคบฮอร์มุส จะส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งทะยานขึ้นระหว่างบาร์เรลละ 120-130 ดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากช่องแคบฮอร์มุสเป็นช่องทางเรือขนส่งน้ำมันดิบรายวัน ซึ่งมีปริมาณคิดเป็น 1 ใน 5 หรือ 20% ของกำลังการผลิตน้ำมันดิบโลก อิหร่านเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่อันดับ 3 ในกลุ่มโอเปกพลัส
ตลาดซื้อขายน้ำมันดิบ นิวยอร์ก สหรัฐ รายงานว่า เมื่อช่วงเย็นของวันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน 2024 ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเริ่มต้นเปิดซื้อขายน้ำมันดิบดังกล่าวนั้น ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ เคลื่อนไหวที่ 85.32 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ลดลง -0.34 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ด้านราคาน้ำมันดิบ เบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ เคลื่อนไหวที่ 90.18 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ลดลง -0.27 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล
สาเหตุจากนักชงทุนในตลาดน้ำมันดิบโลกให้น้ำหนักไปที่ประเทศอิสราเอลจะดำเนินการในท่าทีอย่างไรต่อไปกับประเทศอิหร่านหลังจากในรอบกว่า 24 ชั่วโมงผ่านมาของการยิงโจมตีด้วยโดรนติดระเบิด และขีปนาวุธรวมกันกว่า 300 ชุดของอิหร่านถูกสกัดและโดนทำลายลงเกือบทั้งหมด หรือมากถึง 99% จากระบบป้องกันและทำลายการโจมตีทางอากาศของอิสราเอล และฝูงเครื่องบินรบจากพันธมิตรสำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา และอังกฤษ ที่สกัดและทำลายทั้งโดรนติดระเบิด และขีปนาวุธของอิหร่านได้แทบทั้งหมด
สำหรับราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปิดการซื้อขายเมื่อวันศุกร์ที่ 12 เมษายน 2024 ที่ผ่านมา พบว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 85.66 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +0.64 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ด้านราคาน้ำมันดิบ เบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 90.45 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +0.71 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบสูงสุดในรอบ 6 เดือน หรือนับตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2023 เป็นต้นมา ในสัปดาห์ผ่านไป ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกทั้ง 2 แห่ง ปิดเฃร่วงลง -1.0% และ -0.8% ตามลำดับ