นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือสภาผู้ส่งออก มั่นใจยอดส่งออกในปีนี้ จะขยายตัวได้ 1-2% โดยมีมูลค่าการส่งออก 2.9 แสนล้านดอลลาร์ หรือแตะ 10 ล้านล้านบาท โดยมีสัญญาณที่ดีจากการเติบโตของการนำเข้าสินค้าทุน ที่จะส่งผลดีต่อการส่งออกในเดือน ส.ค.- ก.ย. แม้จะมีปัญหาเรื่องเงินบาทแข็งค่าที่คาดการณ์ว่าจะมีผลไปถึงต้นปี 68 เนื่องจากคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น
โดยในช่วง 7 เดือนแรกการส่งออกโตได้ 3.8% โดยเฉพาะเดือนกรกฎาคม ที่โตเกินคาดการณ์ของทุกสำนักฯ ถึง 15.2% แม้จะมีปัจจัยภายนอกกดดัน ทั้งปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ และภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ตัวเลขที่คาดการณ์ไว้ว่าทั้งปีจะโต 1-2% คิดว่าไม่ไกลเกินฝันหากไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม สรท.จะคงคาดการณ์การส่งออกปี 2567 ไว้ที่ 1-2% แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังในครึ่งปีหลัง ทั้งการที่เงินบาทแข็งค่าเร็วอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลโดยตรงต่อการส่งออกทันที
รวมทั้งปัญหาภูมิรัฐศาสตร์เช่นสหรัฐฯสหภาพยุโรปและแคนาดาตั้งกำแพงภาษีสินค้าจากจีนทำให้สินค้าจีนไหลเข้าตลาดในเอเชีย, สงครามในตะวันออกกลางที่ยังยืดเยื้อ และปัญหาการขนส่งทางทะเล ส่งผลให้ค่าระวางเรือของท่าเรือหลักยังตึงตัวและผันผวน, ปัญหาตู้ขนส่งสินค้า ตลอดจนการเข้าถึง และการตัดวงเงินสินเชื่อของผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ SME ทำให้กระทบต่อสภาพคล่องธุรกิจ
ทั้งนี้ สรท. ได้เสนอให้รัฐบาลใหม่มุ่งเน้นให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นชาติการค้า เพื่อสร้างเศรษฐกิจให้เข้มแข็งและมีเสถียรภาพ รวมทั้งพัมนาการส่งออกที่เป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ให้สามารถแข่งขันและเติบโตได้อย่างมั่นคง เร่งแก้ไขปัญหาความแออัดของท่าเรือแหลมฉบังที่มีมาต่อเนื่อง รวมทั้งค่าน้ำมัน ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องแบกรับต้นทุน และทำให้ศักยภาพการแข่งขันระหว่างประเทศลดลง รวมถึงรักษาเสถียรภาพเงินบาทไม่ให้แข็งค่าเร็วเกินไป พร้อมสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเร่งประกันความเสี่ยงค่าเงินบาท ตลอดจนพิจารณาหลักเกณฑ์เงื่อนไข สนับสนุนให้ผู้ประกอบการ SME เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างเพียงพอ กำกับดูแลต้นทุนการผลิต และต้นทุนวัตถุดิบ เพื่อให้การส่งออกไทยยังคงขีดความสามารถในการแข่งขันได้ เช่น ต้นทุนพลังงาน และค่าไฟฟ้า ค่าแรงขั้นต่ำ ค่าขนส่งสินค้าทางทะเล กำกับดูแลสินค้า และการเข้ามาลงทุนของต่างชาติ ต้องเอื้อประโยชน์ให้กับ supply chain ในประเทศ ไปจนถึงกำกับดูแลสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน และสินค้าต้นทุนต่ำจากต่างชาติที่ทะลักเข้ามาในประเทศ จนกระทบต่อผู้ผลิต SME และการจ้างงาน