นายสุนทร สถาพร นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยว่า เนื่องจากปัจจุบันด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ โดยตลาดอสังริมทรัพย์ ยังอยู่ในภาวะฟื้นตัว จากกำลังชะลอตัว จากปัญหาหนี้ครัวเรือนสูง ทำให้สถาบันการเงินเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ซึ่งภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ดังนั้นจึงอยากขอให้รัฐบาลยืดอายุมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่จะสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคมนี้ออกไปอีก 1 ปี เช่น การลดค่าธรรมเนียมการโอนและค่าจดจำนอง เหลือ 0.01% รวมถึงขอให้ลดอัตราการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ปัจจุบันเก็บ 100% ให้เหลือ 50% เป็นระยะเวลา 1 ปีหรือจนกว่าภาวะเศรษฐกิจจะดีขึ้น ซึ่งการลดภาษีที่ดินไม่ใช่แค่ภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ได้อานิสงส์แต่ภาคธุรกิจอื่นๆ รวมถึงประชาชนทั่วไปก็ได้ประโยชน์ด้วย ซึ่งนับเป็นของขวัญปีใหม่ที่อยากได้จากรัฐบาล
นอกจากนี้ยังอยากให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผ่อนคลายมาตรการ LTV เพื่อให้ผู้ที่ต้องการมีบ้านสามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ สำหรับบ้านหลังแรกและหลังที่ 2 ขณะที่อัตราดอกเบี้ยในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในเดือนธันวาคมนี้ จะต้องมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก จากก่อนหน้านี้ลดไปแล้ว 0.25% เพื่อกระตุ้นการลงทุนและกำลังซื้อใหม่
ขณะที่การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทต่อวันนั้น มองว่าควรปรับเป็นบางพื้นที่และตามทักษะฝีมือ เพื่อไม่ให้ส่งผลต่อต้นทุนธุรกิจ โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมหรือเอสเอ็มอีที่จะมีต้นทุนสูงขึ้นมากหากมีการปรับค่าแรงขั้นต่ำขึ้นในปี 2568 นี้ และอาจจะมีผลทำให้นักลงทุนต่างชาติย้ายฐานการผลิตไปประเทศอื่นๆ ที่ค่าแรงถูกกว่าได้