สมาคมโรงแรมชี้รายได้ธุรกิจโรงแรมฟื้นตัวกระจุก 32% มีรายได้สูงกว่าก่อนโควิด  40% ยังฟื้นช้า

นายเทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ ธุรกิจโรงแรม ประจำเดือนสิงหาคม 2567 สำรวจระหว่างวันที่ 19-30 สิงหาคม จากผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 106 แห่ง เป็นความร่วมมือระหว่างสมาคมฯ และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พบว่า ผู้ประกอบการโรงแรม 60% คาดการณ์รายได้รวมของธุรกิจโรงแรมกลับเข้าสู่ระดับก่อนโควิด-19 โดย มีรายได้รวมสูงกว่าหรือใกล้เคียงกับช่วงก่อนโควิดแล้ว แบ่งเป็นสัดส่วน 32% มีรายได้สูงกว่าก่อนโควิด และ 28% รายได้ใกล้เคียงก่อนเกิดโควิด แต่โรงแรมที่มีรายได้เข้าสู่สภาวะปกติ ส่วนใหญ่ยังกระจุกตัวเป็นโรงแรมระดับ 4 ดาวขึ้นไป โดยเป็นผลจากการปรับขึ้นราคาห้องพักและจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่โรงแรมอีก 40% ยังฟื้นตัวได้ช้า ซึ่งเป็นโรงแรมขนาดต่ำกว่า 4 ดาวลงมา โดยส่วนใหญ่คาดว่าจะกลับมามีรายได้เท่ากับช่วงปกติ ต้องรอถึงไตรมาส 2/2568 เพราะปรับราคาห้องพักได้ยาก เนื่องจากลูกค้ามีความอ่อนไหวต่อราคาและเผชิญกับการแข่งขันสูง จึงไม่สามารถปรับราคาตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้

นอกจากนี้ โรงแรมระดับไม่เกิน 3 ดาว ส่วนใหญ่มีราคาเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่น้อยกว่า 1,500 บาท ขณะที่ประมาณ 50% ของโรงแรมระดับ 4 ดาวมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 1,500 – 2,499 บาท โรงแรมระดับ 5 ดาวขึ้นไปกว่า 40% มีราคาเฉลี่ยสูงกว่า 5,000 บาท หากพิจารณารายภูมิภาค พบว่าโรงแรมในภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ ส่วนใหญ่มีราคาห้องพักเฉลี่ยสูงกว่าภาคอื่น ขณะที่โรงแรมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือกว่า 40% มีราคาห้องพักต่ำกว่า 1,000 บาท สะท้อนถึงโรงแรมที่มีรายได้สูงกว่าหรือใกล้เคียงกับช่วงก่อนโควิด มาจากการปรับราคาห้องพักให้สูงขึ้น เพราะมีการปรับปรุงห้องพักและการให้บริการที่ดีขึ้น จึงมีลูกค้าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และเน้นทำโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นยอดขาย โดยมีธุรกิจโรงแรม 7% ประเมินว่ารายได้จะไม่สามารถกลับสู่ระดับเดิม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรงแรมระดับไม่เกิน 3 ดาว ซึ่งโรงแรมระดับ 3 ดาวประมาณ 20% ยังเผชิญยอดจองห้องพักที่ลดลง

ทั้งนี้ สมาคมฯ ต้องการให้รัฐบาลพิจารณาชะลอการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวภายในประเทศจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ หรือค่าเหยียบแผ่นดิน ออกไปอีกอย่างน้อย 2 ปีนับจากนี้ เพื่อให้ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวกลับมาโตเต็มที่ ขณะเดียวกันควรมีการกำหนดวัตถุประสงค์ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยอย่างชัดเจนด้วย ว่าจะนำเงินค่าเหยียบแผ่นดินที่จัดเก็บส่งเข้ากองทุนฯ ไปใช้พัฒนาด้านใดบ้าง รวมถึงพิจารณาขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการยกเว้นวีซ่า หรือวีซ่าฟรี แก่ตลาดเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเพิ่มแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น สถานบันเทิงครบวงจร นำคอนเสิร์ต เทศกาล และการแข่งขันกีฬาระดับโลกมาจัดในประเทศไทย สิ่งสำคัญคือ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ สร้างระบบด้านความปลอดภัย ความสะดวกในการเดินทาง สร้างประสบการณ์ที่ดี เพิ่มความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยว

สำหรับ อัตราการเข้าพักเดือนสิงหาคม 2567 เพิ่มขึ้นมายู่ที่ 62% เทียบกับเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา และช่วงเดียวกันของปี 2566 โดยคาดการณ์อัตราการเข้าพัก เดือนกันยายน 2567 อยู่ที่ 50% ในภาพรวมโรงแรมที่มีสัดส่วนลูกค้าต่างชาติมากกว่า 50% คิดเป็นกว่า 60% ของผู้ตอบ ซึ่งกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่เข้าพักส่วนใหญ่เป็นลูกค้าเอเชียและตะวันออกลาง (ไม่รวมจีนและมาเลเซีย) จีน และยุโรปตะวันตก ที่ส่วนใหญ่เข้าพักในโรงแรมระดับ 4 ดาวขึ้นไป โดยโรงแรมกว่า 40% ยังคงเผชิญกับปัญหาขาดแคลนแรงงาน ซึ่งส่วนใหญ่กระทบเพียงคุณภาพการให้บริการ แต่ไม่กระทบความสามารถในการรองรับลูกค้า ทั้งนี้ โรงแรมในภาคกลางมีปัญหาขาดแคลนแรงงานมากกว่าภาคอื่น

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles