สายการบินสปิริท แอร์ไลน์ (Spirit Airlines) ซึ่งเป็นสายการบินราคาประหยัด หรือสายการบินต้นทุนต่ำชื่อดังของสหรัฐอเมริกาที่รีแบรนด์ในปี 1992 และมีอายุการดำเนินกิจการมาถึง 60 ปี ได้ประกาศภาวะล้มละลาย และร้องขอต่อศาลเพื่อพิทักษ์ทรัพย์สินทั้งหมดตามมาตรา 11 ในสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้เป็นสายการบินแห่งแรกในสหรัฐอเมริกาที่ล้มละลายในรอบ 13 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2011 ปัจจุบันมีทรัพย์สิน และภาะหนี้สินระหว่าง 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 35,000 ล้านบาท และ 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 350,000 ล้านบาท
สาเหตุจากเมื่อเดือนมกราคมปีนี้เป็นต้นมา สายการบินสปิริท แอร์ไลน์ ประสบความล้มเหลวในการเจรจาควบรวมกิจการมูลค่า 3,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 133,000 ล้านบาทกับสายการบินเจ็ทบลู แอร์เวย์ส เพื่อรักษาธุรกิจให้ไปต่อ ภาระหนี้สินสะสมจำนวนมากโดยเฉพาะภาระการไถ่ถอนหุ้นกู้ให้กับเจ้าหนี้รวมมูลค่า 1,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 38,500 ล้านบาทภายในปี 2025 และภาวะขาดทุนสะสมต่อเนื่องหลังจากไม่สามารถทำกำไรได้ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ซึ่งมีผลการดำเนินงานขาดทุน 360 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 12,600 ล้านบาท
สายการบินสปิริท แอร์ไลน์ ต้องเผชิญปัญหาการถูกเรียกคืนเครื่องยนต์ยี่ห้อแพรทท์ แอนด์ วิทนีย์ จากเครื่องบินจำนวนมากในฝูงบินของสายการบินสปิริท แอร์ไลน์ ทำให้ไม่สามารถนำเครื่องขึ้นบินได้เต็มรูปแบบ เกิดการสูญเสียรายได้สะสมจำนวนมาก ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังวิกฤตการณ์โรคระบาดโควิด-19 ผ่อนคลายลงในสหรัฐ ด้านราคาหุ้นของสายการบินสปิริท แอร์ไลน์ ดำดิ่งกว่า -90% นับตั้งแต่ต้นปีนี้
สายการบินสปิริท แอร์ไลน์ ไม่มีผลกำไรมานับตั้งแต่ปี 2019 หรือตั้งแต่วิกฤตการณ์โรคระบาดโควิด-19 ด้วยความพยายามตัดลดค่าใช้จ่ายทุกรูปแบบ เช่น ขายเครื่องบินจำนวน 23 ลำ ซึ่งได้เงินจำนวน 519 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 18,165 ล้านบาท รวมถึงสั่งพักงานพนักงานนักบินเพิ่มอีก 550 คนเมื่อเดือนมกราคมผ่านมา เพิ่มเติมจากที่พักงานนักบินไปแล้ว 200 คน อย่างไรก็ตาม มาตรการทั้งหมดไม่เพียงพอที่จะทำให้สายการบินสปิริท แอร์ไลน์ ดำเนินธุรกิจต่อไปได้