นิกเคอิ ซึ่งเป็นสำนักข่าวชื่อดังระดับโลกจากประเทศญี่ปุ่น รายงานว่าเจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสกลุ่มบีอาร์เอ็น (Barisan Revolusi Nasional) ได้ให้สัมภาษณ์เปิดเผยกับสำนักข่าวนิกเคอิว่า สถานการณ์ความรุนแรงในบริเวณพื้นที่ชายแดนภาคใต้ของไทยจะมีความรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากกระบวนการการเจรจาเพื่อสันติภาพจะมีความยากลำบากขึ้นหลังจากที่นายกรัฐมนตรีของไทย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว
หนึ่งในสมาชิกระดับอาวุโสซึ่งอยู่ในสายทหารของกลุ่มบีอาร์เอ็น กล่าวกับสำนักข่าวนิกเคอิว่า การที่นายกรัฐมนตรีประเทศไทยไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราวนั้นส่งผลต่อกระบวนการการเจรจาสันติภาพเกิดติดขัดและมีความยากลำบากขึ้น เมื่อไม่เห็นแนวโน้มที่ชัดเจนของกระบวนการดังกล่าวจะเกิดขึ้น กลุ่มติดอาวุธ จะยังคงต่อสู้เพื่อเรียกร้องอิสรภาพ การเจรจาสันติภาพครั้งสุดท้ายมีขึ้นเมื่อช่วงกลางปี 2024 ที่ผ่านมา ซึ่งมีรัฐบาลประเทศมาเลเซียเป็นเจ้าภาพตัวกลางในการจัดประชุม รวมถึงได้เข้ามาเป็นตัวกลางในการเจรจาปัญหาดังกล่าวตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นมา
เดือนเมษายนผ่านไป รองนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายภูมิธรรม เวชยชัย ซึ่งในปัจจุบัน ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและ รักษาการนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า การเจรจาสันติภาพจะมีความต่อเนื่องก็ต่อเมื่อ กลุ่มเรียกร้องต้องยุติสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ทั้งหมดก่อน และรัฐบาลไทยจะมีการเจรจากับตัวแทนของกลุ่มที่มีมีอำนาจตามกฎหมายแท้จริง
ทั้งนี้ ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้(Deep South Watch) หรือ DSW ซึ่งเป็นองค์กรที่ทำงานด้านการสร้างความเข้าใจ และติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งและความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย เปิดเผยข้อมูล สถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ระหว่าง เมษายน 2004 ถึง วันที่ 31 พฤษภาคม 2025 พบว่า ผู้เสียชีวิตในจำนวน 7,736 ราย ผู้ได้รับบาดเจ็บมีจำนวน 14,630 ราย