สำนักข่าว Tupi Tre หรือทวย เทร่ ซึ่งเป็นสื่อชั้นนำแห่งหนึ่งของประเทศเวียดนาม รายงานว่า ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศเวียดนาม เปิดเผยว่า กรุงเทพเคยเป็นตัวเลือกแรกของนักท่องเที่ยวชาวเวียดนาม แต่ตอนนี้นักท่องเที่ยวจับตามองทางเลือกอื่น ๆ เช่น สิงคโปร์ ไต้หวัน หรือตัวเลือกภายในประเทศ เช่น ดานัง และนาตรัง เนื่องจาก ความตึงเครียดที่ชายแดนไทย-กัมพูชาในเดือนพฤษภาคม ทําให้มีมาตรการจำกัดการเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวในบางเส้นทางที่ต้องข้ามไประหว่าง 2 ประเทศ ที่เข้มข้นขึ้น
สายการบินสัญชาติเวียดนามหลายแห่งประกาศลดความถี่ของเที่ยวบินในเส้นทางมายังประเทศไทย เนื่องจากต้องการลดความเสี่ยงทางการเงินของสายการบินที่เกิดจากความต้องการเดินทางมาประเทศไทยลดลง และต้นทุนการดําเนินงานที่เพิ่มขึ้น การลดจำนวนเที่ยวบินสะท้อนจากตั้งแต่มกราคมถึงพฤษภาคม หรือ 5 เดือนแรกของปี 2025 ปรากฏว่า นักท่องเที่ยวชาวเวียดนามจำนวนมากกว่า 300,000 คนมาเที่ยมประเทศไทย ซึ่งตัวเลขดังกล่าวลดลงอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับช่วง 5 เดือนแรกในปี 2024
สายการบินต้นทุนต่ำอันดับหนึ่งของประเทศเวียดนาม เวียดเจ็ท Vietjet ลดเที่ยวบินรายวันระหว่างโฮจิมินห์ซิตี้และกรุงเทพ จากเดิมเคยบิน 4 เที่ยวบินต่อวัน ลงมาเหลือวันละ 3 เที่ยวบิน มีผลตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ เช่นเดียวกันกับสายการบินเวียดนาม แอร์ไลน์ ซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติ และประเภทดั้งเดิมหรือฟูลเซอร์วิส รวมถึงสายการบินเวียดทราเวิล แอร์ไลน์ ปรับลดจำนวนเที่ยวบินลงจากปกติ ที่สำคัญ สายการบินแบมบู แอร์เวย์ ซึ่งให้บริการการบินไปและกลับ สนามบินนานาชาติดอนเมืองกรุงเทพได้ประกาศยุติเส้นทางบินดังกล่าวออกจากระบบการจองตั๋วโดยสารทางออนไลน์
ผู้บริหารจากสายการบินในเวียดนามรายหนึ่ง กล่าวว่าการเดินทางจากเวียดนามไปยังประเทศไทยมีความคึกคักลดน้อยลงชัดเจน ดูได้จากอัตราความถี่เที่ยวบินไปยังประเทศไทยลดลงเหลือประมาณ 60% ในบางเส้นทาง ทําให้เกิดแรงกดดันต่อค่าใช้จ่าย เช่น ค่าน้ํามันเชื้อเพลิง และค่าพนักงานสายการบิน สาเหตุจากการแข่งขันรุนแรง ราคาค่าตั๋วโดยสารกําลังทำให้กำไรหดหาย ในขณะที่ สายการบินทุกแห่งปรับเปลี่ยนเส้นทางบินมาตอบสนองความต้องการชาวเวียดนามกํที่ต้องการท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้นในช่วงฤดูร้อนนี้ เช่น ดานัง เกาะฟู้โกว๊ก และเมืองนาตรัง กําลังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ตัวแทนของสายการบินเวียดนามรายหนึ่ง กล่าวว่า ได้จัดลําดับความสําคัญของการบินภายในประเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและผลกําไรของธุรกิจ
นาย Huynh Phan Phuong Hoang รองผู้อํานวยการทั่วไปของสายการบินเวียดทราเวิล กล่าวว่า ทัวร์ 5 วัน 4 คืน ยังคงจัดเป็นประจํา แต่ลดจำนวนเหลือแค่ 1 หรือ 2 กลุ่มต่อวัน เมื่อเทียบกับที่เคยจัด 4 ถึง 6 กลุ่มต่อวันในช่วงฤดูท่องเที่ยว สาเหตุจากปัญหาความตึงเครียดระหว่างไทยและกัมพูชาที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะเดียวกัน Tu Quy Thanh
ผู้อํานวยการบริษัทเหลียน แบง ทราเวิล Lien Bang Travel Trading เปิดเผยว่า ความต้องการท่องเที่ยวในช่วงฤดูร้อนยังทรงตัวสําหรับทัวร์ขาออกไปยังประเทศไทย ในแต่ละเดือน บริษัทจะจัดทัวร์สําหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวเวียดนาม 4 ถึง 6 กลุ่มไปยังประเทศไทย โดยแต่ละกลุ่มประมาณ 30 คน ตราบใดที่ไม่มีคําเตือนการเดินทางอย่างเป็นทางการ และเที่ยวบินยังใช้งานได้ จะยังคงจัดทัวร์ต่อไป แต่ยอมรับว่าบริษัทมีการอัปเดตด้านความปลอดภัยให้กับลูกค้า และคู่มือก่อนออกเดินทางมายังไทย
อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวชาวเวียดนามรายหนึ่ง ชื่อว่า เหงียน ที่ ฮอง ตั๋ม (Nguyen Thi Hong Tham) ซึ่งอยู่ในนครโฮจิมินห์ กล่าวว่า เธอรู้สึกมั่นใจพอที่จะไปเยือนประเทศไทยในปลายเดือนมิถุนายน เพราะไทยอยู่ใกล้ ปลอดภัย และเหมาะสําหรับการช็อปปิ้ง ขณะที่ บริษัทท่องเที่ยวยังคงโปรโมตแพ็คเกจทัวร์มาไทยที่หลากหลายสําหรับเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม โดยมีราคาตั้งแต่ 5 ล้านดองเวียดนาม หรือ 191 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 6,300 บาท ถึง 9 ล้านดองเวียดนาม หรือ 344 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 11,355 บาท ขึ้นอยู่กับที่พัก อาหาร และสถานที่ท่องเที่ยวที่จัดไว้
ทั้งนี้ ในปี 2024 ผ่านไป นักท่องเที่ยวชาวเวียดนามเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 11 ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยมีจำนวนเกือบ 1 ล้านคน