ธนาคารกลางอิหร่าน หรือซีบีไอ โดยผู้ว่าการธนาคารกลาง นายโมฮัมหมัด เรซา ฟาร์ซิน ประกาศเพิกถอนใบอนุญาตการดำเนินงานกิจการธนาคารอายานเดห์ (Ayandeh Bank) ซึ่งเป็นหนึ่งในธนาคารพาณิชย์เอกชนที่ใหญ่แห่งหนึ่งในประเทศอิหร่าน ตามคำสั่งนี้ ส่งผลให้รัธนาคารกลางอิหร่านดำเนินการยุบ และโอนกิจการทั้งหมดให้กับธนาคารรัฐวิสาหกิจมีชื่อว่าแบงก์ เมลลี ซึ่งเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของประเทศอิหร่าน แต่เป็นมีสถานะเป็นธนาคารรัฐวิสาหกิจ
สำหรับประชาชนผู้ฝากเงิน ลูกค้าธนาคาร พนักงานธนาคารอายานเดห์ได้รับการโอนย้ายไปสังกัดกับธนาคารแบงก์ เมลลี เริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่ 1 พฤศจิกายนนี้ เพื่อรับรองความต่อเนื่องในการให้บริการ และปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน ขณะที่พนักงานเดิมประมาณ 3,900 คน สามารถเลือกที่จะทำงานเป็นพนักงานของธนาคารแบงก์ เมลลีหากมีความต้องการ
ผู้ว่าการธนาคารกลาง นายโมฮัมหมัด เรซา ฟาร์ซิน กล่าวว่า สาเหตุมาจาก ธนาคารอายานเดห์ไม่สามารถที่จะเข้าสู่แผนการปฏิรูปธนาคารของตัวเองได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ธนาคารกลางมีความปรารถนาให้เกิดขึ้น นอกจากนี้ ผลการดำเนินงานของธนาคารแห่งนี้พิสูจน์แล้วว่าไร้ประสิทธิภาพ ผลประกอบการออกมาไม่ดี และสูญเสียความสมดุลย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ระบบธนาคารของอิหร่านได้พัฒนามาเป็นนาน 20 ปี
ผู้อำนวยการฝ่ายกำกับดูแลธนาคาร ธนาคารกลางอิหร่าน เปิดเผยว่า ธนาคารอายานเดห์มีเงินทุนคงเหลือเพียง 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 495 ล้านบาท ในขณะที่มีหนี้สินมากกว่า 5,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 181,500 ล้านบาท อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (Capital Adequacy Ratio หรือ CAR) ถึงขั้นวิกฤตด้วยการติดลบถึง 600% ธนาคารแห่งนี้จึงเข้าข่ายภาวะล้มละลายอย่างรุนแรง
นอกจากนี้ ทรัพยากรทางการเงินของธนาคารอายานเดห์กว่า 90% ถูกนำไปปล่อยกู้ด้านอสังหาริมทรัพย์ค้าปลีกที่มูลค่าโครงการสูงมาก ในปี 2017 โครงการพัฒนาขนาดใหญ่ที่ธนาคารบริหารจัดการอยู่ เช่น โครงการอิหร่าน มอลล์ Iran Mall ขนาดยักษ์ ได้รับเงินกู้มากมายถึง 7,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 205,800 ล้านบาท ท่ามกลางการก่อสร้างในช่วงเวลานั้นล่าช้าอย่างมากจากเป้าหมาย เมื่อถึงปี 2019 ห้างสรรพสินค้าอิหร่าน มอลล์ เปิดบริการเป็นทางการ ธนาคารอายานเดห์ถูกจับตามอง และประเมิน
สะท้อนให้เห็นถึงวิกฤติระบบการเงินอิหร่าน การยุบรวมกิจการครั้งนี้เกิดขึ้นภายหลังจากที่หัวหน้าฝ่ายตุลาการของอิหร่านวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงต่อธนาคารดังกล่าว และเจ้าหน้าที่ธนาคารอายานเดห์ที่ล้มเหลวในการปฏิรูป ทำให้สถานะทางการเงินของธนาคารย่ำแย่ลงอย่างมากหลังจากที่ธนาคารกลางอิหร่านได้เข้ามาใช้มาตรการพิเศษ
วิกฤตธนาคารพาณิชย์ซึ่งเป็นหนึ่งในรายใหญ่ที่สุดของประเทศอิหร่านในครั้งนี้ ตอกย้ำถึงปัญหาเชิงโครงสร้างของธนาคารในอิหร่านที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ธนาคารอิหร่านถูกแยกออกจากระบบการเงินโลกมาหลายปีเนื่องจากการ มาตรการคว่ำบาตรเศรษฐกิจ และการเงินของสหรัฐ รวมถึงการที่ธนาคารแห่งนี่ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานการปล่อยสินเชื่อระหว่างประเทศของคณะทำงานปฏิบัติการทางการเงิน (FATF) ซึ่งทำให้อิหร่านถูกขึ้นบัญชีดำในปี 2020
ทั้งนี้ ธนาคารอายานเดห์ ก่อตั้งขึ้นในปี 2013-2014 หรือเมื่อ 12 ปีผ่านมา จากการควบรวม 3 สถาบันการเงินที่เต็มไปด้วยหนี้เสียจำนวนมากมาย มีสาขา 276 แห่ง และให้บริการลูกค้าเกือบ 3 ล้านราย