ผู้ใช้เฟซบุ๊กในชื่อบัญชี Nest Srestha butr โพสต์ข้อความเกี่ยวกับความคับข้องใจ และระบายความในใจในกลุ่มโยกย้าย โดยเล่าว่า ขออนุญาตระบายก่อนหมดปี
ตนเป็นแพทย์เฉพาะทาง มีรายได้ประมาณ 220,000 บาทต่อเดือน มีลูก 1 คน และภรรยาที่ลาออกมาเลี้ยงดูลูกแบบฟูลไทม์ โดยตนมีความคิดที่อยากจะย้ายประเทศ แต่ติดที่ภรรยาไม่เอาด้วย ส่วนเหตุผลที่ตนอยากย้ายประเทศ เพราะรู้สึกว่าทำงานเท่าไร ก็ไม่พอใช้จ่ายในประเทศนี้ พอลองแจกแจงรายจ่ายในแต่ละเดือน แทบจะไม่เหลืออะไรเลย
ค่าบ้าน 40,000 บาทต่อเดือน ค่ารถ 13,000 บาทต่อเดือน เงินเดือนภรรยา 30,000 บาทต่อเดือน (ตั้งใจให้ เพราะงานดูแลลูกและบ้าน คิดว่าเหนื่อยมาก) ค่าประกันลูก ประกันชีวิต ประกันรถ 20,000 บาทต่อเดือน ค่าลดหย่อนภาษี 30,000 บาทต่อเดือน ค่าเทอมลูกในอนาคต 25,000 บาทต่อเดือน (แพลน English Program โรงเรียนเอกชน) ค่าใช้จ่ายกองกลางในบ้าน 20,000 บาทต่อเดือน เงินใช้จ่ายส่วนตัว 15,000 บาทต่อเดือน เงินออมส่วนตัว 15,000 บาทต่อเดือน ทั้งหมดนี้ยังไม่รวมภาษีที่ต้องจ่ายต่อปีอีกประมาณ 60,000 บาท
โชคดีที่พ่อและแม่ไม่ได้เรียกร้องอะไร และแม้ว่าจะประหยัด ใช้รถไม่แพง ไม่มีของแบรนด์เนม เลิกคิดเรื่องไปเที่ยวไกลๆ เพราะต้องดูแลครอบครัวก่อน เชื่อว่าทั้งหมดนี้คือค่าใช้จ่ายที่ทุกคนต้องเจอ รู้สึกว่าประเทศเรา ไม่มีสวัสดิการใดๆ จะมาซัปพอร์ต ช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นให้คุ้มกับที่เสียภาษี เราต้องเสียเวลาใช้ชีวิตบนท้องถนนมากเท่าไรต่อวัน การมีลูกที่เราต้องดูแลทุกอย่างเอง ทั้งการเจ็บป่วย วัคซีนดีๆ ที่เราต้องจ่ายเพิ่มเอง หรือการไปรอคิวนานๆ รวมถึงการศึกษาของลูก ซึ่งโรงเรียนรัฐที่ค่าใช้จ่ายไม่แพง ไม่เพียงพอต่ออนาคตลูก การลาคลอดของแม่ที่ลาได้เพียงแค่ 3 เดือน หลังจากนั้นต้องโดนกึ่งบังคับกลับไปทำงานต่อ
ค่าบ้านในกรุงเทพฯ ที่แพงเกินกว่าจะสมดุลกับรายได้ แพงโดยไร้การควบคุมใดๆ ภาษีที่จ่ายไป ต้องหารายได้มาลดหย่อนให้มากที่สุด ขนาดเราหารายได้เยอะพอสมควร ยังคิดว่าเหนื่อย แล้วคนอีกตั้งเยอะที่ไม่ได้เยอะเท่าเรา เขาจะลำบากขนาดไหน เห็นกระทู้คนย้ายประเทสสำเร็จ ก็ยินดีกับทุกคนที่ย้ายไปได้จริงๆ
เจ้าของเฟซบุ๊กในชื่อบัญชีดังกล่าว ได้โพสต์ข้อความเพิ่มเติมว่า ตนก็เคยอยู่ในสถานการณ์แบบเดียวกัน คือ คุณพ่อหาเงินคนเดียว แต่งงานและมีลูก 1 คน ถ้าตอบแบบโลกไม่สวย คุณภาพชีวิตในระดับที่คุณหมอพอใจ อาจต้องมีเงินเดือน ๆ ละ 500,0000 บาท ตอนนี้ 2.2 แสนบาทถึงว่าน้อยไปเมื่อเทียบกับรายจ่าย
หากจะให้ลดรายจ่าย ก็จะรู้สึกว่าคุณภาพชีวิตที่ได้ตอนนี้ก็ไม่ได้ดีอะไรมากมาย แล้วทำไมต้องลดลงอีก แล้วที่ทุ่มเทเรียนมาตั้งมากมาย จนกลายเป็นคนเก่งหาตัวจับยาก ทำไมคุณภาพชีวิตถึงได้แค่นี้ และอย่าไปฟังที่คนบอกว่า เงินเดือน 2.2 แสนก็เยอะแล้ว ประหยัดหน่อย ลดรายจ่าย แต่จริงๆ คือไม่พอ เพราะไม่อย่างนั้นเงินจะตึงและไม่มีความสุข และจะเศร้าที่ดูแลครอบครัวได้ไม่ดี