หอการค้าไทย คงเป้าจีดีพีปี 68 โตได้ 2% เท่าเดิม แรงหนุนส่งออก เร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณ จีนเที่ยวไทยตามเป้า โครงการคนละครึ่ง ดันเม็ดเงิน 7 หมื่น – 1 แสนล้านบาท ลุ้นดันจีดีพีทั้งปีแตะ 2.5%

หอการค้าไทย คงเป้า จีดีพี ปี 68 โตได้ 2% เท่าเดิม แรงหนุนส่งออก เร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณ จีนเที่ยวไทยตามเป้า โครงการคนละครึ่ง ดันเม็ดเงิน 7 หมื่น - 1 แสนล้านบาท ลุ้นดันจีดีพีทั้งปีแตะ 2.5%

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงแนวโน้มของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ และปี 69 ว่า ปัจจุบัน ม.หอการค้าไทย ยังประเมินในมุมมองเดิมว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้ มีโอกาสเติบโตได้ 2% หรือบวก/ลบ จากนี้ได้อีกเล็กน้อย ซึ่งเป็นผลจากเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีแรก ขยายตัวได้แล้ว 3%

โดยมาจากการส่งออกที่ครึ่งปีขยายตัว 15 % และคาดว่าครึ่งปีหลังโต 1 % จากการที่ภาษีทรัมป์ยังไม่มีความแน่นอนเนื่องจากศาลสูงของสหรัฐอยู่ในระหว่างการพิจารณาว่าทรัมป์ไม่มีอำนาจประกาศเก็บภาษี ดังนั้นการส่งออกไทยจึงไม่น่าจะได้รับผลกระทบรุนแรงมากนักทำให้ ม.หอการค้าไทยประเมินว่าการส่งออกของไทยทั้งปี อาจจะขยายตัวได้ 5 % หรือมากกกว่านั้น ประกอบกับการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณในครึ่งปีหลัง เร่งเบิกจ่ายงบปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้เกิดการจ้างงานในท้องถิ่น รวมทั้งการที่นักท่องเที่ยวจีนจะกลับทำให้ยอดนักท่องเที่ยวได้ตามเป้า 34 ล้านคน ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจไทยเคลื่อนตัวได้ในไตรมาส 4

ส่วน “โครงการคนละครึ่ง” ที่รัฐบาลจะกลับมาใช้ในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งรัฐบาลจะใช้งบในโครงการราว 2.5 หมื่นล้านบาทจะทำให้มีเม็ดเงินลงไปหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเบื้องต้นได้อย่างน้อย 5 หมื่นล้านบาทและจะมีเงินเติมลงไปจากกลุ่มคนระดับปานกลางที่ประหยัดค่าใช้จ่ายจากโครงการนี้ได้ อาจจะดึงเงินออมออกมาใช้จ่ายอย่างอื่นๆทำให้มีตัวทวีคูณในเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นอาจจะเป็น 7 หมื่นล้านบาทโดยเงินเหล่านี้จะถูกใช้จ่าย ซึ่งอาจจะทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนอยู่ในระบบเศรษฐกิจได้ประมาณ 70,000-100,000 ล้านบาท ทำให้เศรษฐกิจไทยไตรมาส 4 โตเพิ่มจากเดิมได้อีก 1-2% ได้ และทำให้ครึ่งปีหลังอาจจะโตได้ 2.2-3% ซึ่งเมื่อรวมทั้งปีแล้ว มีโอกาสที่เศรษฐกิจไทยจะโตได้ 2.5% หรืออาจมากกว่านั้น ดังนั้นการใช้นโยบายคนละครึ่งในช่วงไตรมาส 4 จึงเป็นแรงกระตุ้นเศรษฐกิจได้

และเพื่อให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่อเนื่องไม่ชะงัก รัฐบาลควรจะเติมเงินโครงการคนละครึ่งเพิ่มอีก 2.5 หมื่นล้านบาท ในเฟส 2 รวมเป็นเม็ดเงินทั้งสิ้น 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งอาจจะมีการโยกงบกลางเข้ามาใช้เพราะถือว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งหากยังมีการใช้งบประมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง จะทำให้เป็นแรงหนุนต่อเศรษฐกิจไทยไตรมาส 1ปี 69 ทำให้เศรษฐกิจไทยมีความแข็งแกร่งเพียงพอเพื่อรองรับกับการเลือกตั้งใหม่ที่จะเกิดขึ้นในช่วงต้นปีที่จะมีการยุบสภา ก็จะไม่กระทบต่อเศรษฐกิจภาพรวม และจะทำให้เศรษฐกิจไทยปี 69 มีโอกาสที่จะโตได้ในกรอบ 2.5-3.0%

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles