ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่าเมื่อวันที่ 13 มีนาคม2025 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 40,813 จุด -537 จุด หรือ -1.30% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 5,521 จุด -77 จุด หรือ -1.39% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 17,303 จุด -345 จุด หรือ -1.96% ส่งผลดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดดำดิ่ง 4 วันติดกันรวม -1,987 จุด หรือ -5.44% นอกจากนี้ ยังเป็นครั้งแรกในปี 2025 ที่ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดดำดิ่งถึง -10.1% จากสถิติปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 ผ่านมา ส่งผลเกิดภาวะดัชนีหุ้นปรับฐาน หรือ Correction สมบูรณ์แบบ สอดรับกับดัชนีหุ้นนาสแดคปิดดิ่งลงอีกเกินกว่า -10% ในโซนดัชนีหุ้นปรับฐาน หรือ Correction ต่อไป
ที่สำคัญ ดัชนีหุ้นรัสเซล 2000 (Russell 2000) ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นที่มีมูลค่าของบริษัทขนาดเล็กจดทะเบียนอยู่นั้น พบว่ามีค่าดัชนีดำดิ่งลงอย่างรุนแรงถึง -19% ซึ่งใกล้จะ -20% เมื่อเทียบกับค่าดัชนีดังกล่าวที่ปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงผ่านมา ทำให้ใกล้จะเกิดภาวะหมี หรือ Bear Market อย่างสมบูรณ์แบบ นอกจากนี้ ราคาของหุ้นในกลุ่ม 7 นางฟ้า หรือ Magnificent 7 ซึ่งเป็นหุ้นของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของโลก พบว่าราคาหุ้นของ 5 บริษัทจากทั้งหมด 7 บริษัทมีราคาดำดิ่งติดลบเกินกว่า 20% ส่งผลทำให้เกิดราคาหุ้นเข้าสู่ภาวะหมี หรือ Bear Stock อย่างสมบูรณ์แบบด้วย ได้แก่ เทสลา -50.7% เอ็นวีเดีย -24.5% อัลฟาเบธ(กูเกิ้ล) -21.4% เมตา(เฟสบุ๊ก) -20.3% อเมซอน -20.1% ขณะที่มีเพียง แอปเปิล -19.4% และไมโครซอฟท์ -19.1%
ในสัปดาห์ผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิด -2.4%, -3.1% และ -3.5% ตามลำดับ ส่งผลให้ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดรายสัปดาห์ทำสถิติที่ย่ำแย่ที่สุดในรอบ 5 เดือนครึ่ง หรือตั้งแต่กันยายน 2024 เป็นต้นมา สิ้นสุดกุมภาพันธ์ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิด -2.9%, -3.0% และ -5.5% ตามลำดับ ขณะที่สิ้นสุดมกราคม ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิด +4.7%, +2.7% และ +1.6% ตามลำดับ
สาเหตุจากถึงแม้ตัวเลขเงินเฟ้อผู้ผลิตเดือนกุมภาพันธ์ในสหรัฐจะทรงตัว แต่ความกังวลในความไม่แน่นอนสูงของมาตรการภาษีนำเข้าสินค้าของประธานาธิบดีสหรัฐส่งผลต่อแนวโน้มที่เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาจะเข้าสู่ภาวะถดถอย ที่สำคัญ รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ สหรัฐอเมริกา นายโฮวาร์ด ลุทนิค กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐอาจจะคุ้มค่า เพื่อที่จะให้นโยบายด้านเศรษฐกิจของประธานาธิบดีสหรัฐนายโดนัลด์ ทรัมป์ มีประสิทธิภาพอย่างเต็มที่