ดัชนี SET หุ้นไทย ปิดวันนี้ที่ 1,206.39 จุด ลดลง 29.46 จุด หรือ -2.38% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 50,189.15 ล้านบาท ซึ่งดัชนีหุ้นไทยไม่เพียงปิดระดับ 1,206.39 จุด ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดระหว่างวันของวันนี้ แต่ปิดต่ำสุดในรอบเกือบ 5 ปี หรือตั้งแต่ช่วงเกิดโรคระบาดโควิด-19 ช่วงแรกๆ
โดยถูกแรงกดดันจากภูมิภาคกังวลสงครามการค้า แต่หุ้นไทยดิ่งลงหนักกว่า จากปัจจัยในประเทศซ้ำเติม ทั้งโปรแกรมเทรดดิ้ง-ช็อตเซล รวมทั้งการไถ่ถอน LTF ที่ครบกำหนด ประกอบกับขาดความเชื่อมั่นอย่างรุนแรง ดัชนีปรับตัวลงแรงกว่าภูมิภาคเข้าใกล้แนวรับสำคัญที่ 1,200 จุด โดยทำจุดต่ำสุด 1,206.39 จุด ทำจุดสูงสุดที่ 1,231.48 จุด
โดยหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
1. CPALL มูลค่าการซื้อขาย 3,202.67 ล้านบาท ปิดที่ 49.25 บาท ลดลง 2.50 บาท
2. ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 2,665.20 ล้านบาท ปิดที่ 277.00 บาท ลดลง 9.00 บาท
3. WHA มูลค่าการซื้อขาย 2,327.83 ล้านบาท ปิดที่ 3.44 บาท ลดลง 0.26 บาท
บล. เอเซีย พลัส ระบุว่าตลาดหุ้นไทยวันนี้ได้รับแรงกดดันหลักจากตลาดภูมิภาคกังวลประเด็นสงครามการค้า แต่บ้านเราลงหนักกว่าเอเชีย จากทั้งแรงขายของโปรแกรมเทรดดิ้งและการทำช็อตเซล รวมทั้งการไถ่ถอนกองทุน LTF ที่ครบกำหนด ประกอบกับ ตลาดหุ้นไทยขาดความเชื่อมั่นอย่างรุนแรง และไร้ปัจจัยหนุน นอกจากนี้ยังมีแรงขายในหุ้นหลายตัวที่ผิดหวังผลประกอบการออกมาต่ำกว่าคาด
ส่วนแนวโน้มพรุ่งนี้คาดดัชนีแกว่งผันผวนระหว่างรอติดตามผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เคาะดอกเบี้ยนโยบาย ตลาดยังมองโอกาสลดดอกเบี้ย 50:50 หากมีมติลดดอกเบี้ยจะเป็น Sentiment บวกให้ตลาดได้ โดยตลาดหุ้นไทยราคาถูกแล้วแต่ไม่มีความเชื่อมั่นทำให้การปรับตัวขึ้นเป็นไปอย่างจำกัด โดยให้กรอบแนวรับ 1,200 จุด และแนวต้าน 1,235 จุด
