ดัชนี SET หุ้นไทย ปิดวันนี้ที่ 1,198.98 จุด เพิ่มขึ้น 1.72 จุด หรือ +0.14% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 45,633.02 ล้านบาท โดยดัชนีปรับขึ้นช่วงเช้าก่อนอ่อนตัวลง 1,196.33 จุด ทำจุดสูงสุดที่ 1,214.75 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
1. AOT มูลค่าการซื้อขาย 4,461.40 ล้านบาท ปิดที่ 38.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
DELTA มูลค่าการซื้อขาย 2,830.37 ล้านบาท ปิดที่ 101.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,089.25 ล้านบาท ปิดที่ 159.00 บาท ลดลง 0.50 บาท
บล.ไอร่า ระบุว่าตลาดหุ้นไทยวันนี้ช่วงเช้าดัชนีปรับขึ้นแรงทะลุ 1,200 จุดตามความหวังสงครามการค้ามีสัญญาณผ่อนคลายลงมาบ้าง โดยได้แรงซื้อหุ้น DELTA และ AOT หนุนดัชนีเป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม เมื่อตลาดขึ้นไปได้กลับเผชิญแรงขายออกมา โดย AOT ปรับขึ้นจากปัจจัยเฉพาะตัวจากข่าว King Power กลับมาจ่ายเงินประกันขั้นต่ำในเดือน พ.ค.ได้ แต่ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะสามารถกลับมาจ่ายเป็นปกติในครั้งต่อไปได้หรือไม่ ทำให้มีแรงขายออกมาในที่สุด ขณะที่ DELTA ก่อนหน้านี้ขึ้นมาอย่างต่อเนื่องจนทะลุผ่าน 100 บาท ทำให้เริ่มแผ่วลง
โดบมองว่าตลาดหุ้นไทยยังไร้ปัจจัยใหม่เข้ามาหนุนภาพรวม ทำให้เมื่อดัชนีขึ้นไปสูงกว่า 1,200 จุด ส่งผลให้ P/E กลับมาแพงกว่าภูมิภาค ขณะที่อัพไซด์ไม่ค่อยมี อีกทั้งที่ผ่านมาดัชนีปรับตัวขึ้นเก็งกำไรประเด็นการจัดตั้งกองทุน Thai ESGX ไปมาก หุ้นหลายตัวที่ปรับขึ้นเมื่อวันพุธจึงมีแรงขายออกมา
ขณะที่ แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดตลาดอาจปรับตัวลงต่อหลังรีบาวด์ไปถึง 1,200 จุด Valuation ตึงตัว รวมทั้งประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนยังต้องเกาะติดกันต่อไป แม้ว่ามีข่าวจีนอาจเปิดเจรจากับสหรัฐ แต่ก็ยืนยันว่าสหรัฐต้องยกเลิกกำแพงภาษีทั้งหมด อาจทำให้การพูดคุยมีแนวโน้มล่าช้าไปอีก ประกอบกับ ประมาณการตัวเลข GDP สหรัฐไตรมาส 1/68 ที่ติดลบ ทำให้สินทรัพย์เสี่ยงอาจมีแรงขายออกมา ยังต้องติดตามการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนเม.ย.ของสหรัฐคืนนี้ ขณะที่สัปดาห์หน้าติดตามการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน รวมทั้งกระแสตอบรับการจัดตั้งกองทุน Thai ESGX มองกรอบแนวรับแรก 1,190 จุด ถัดไป 1,180 จุด และแนวต้าน 1,200-1,220 จุด
